Skip to main content
sharethis

จากการพูดคุยกับ "กรรณิการ์ กิจติเวชกุล" เจ้าหน้าที่องค์การหมอไร้พรมแดนไทย-เบลเยียม ซึ่งขณะนี้ติดอยู่ที่เมืองยอร์คจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากที่เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมและมีมีกำหนดการจะเดินทางกลับในวันนี้ (27 พ.ย.) ซึ่งจะถึงกรุงเทพฯ ในเวลาสี่โมงเย็น แต่ต้องเลื่อนเที่ยวบิน เนื่องจากมีการระงับทุกเที่ยวบินที่จะเข้าสู่ประเทศไทย


 


กรรณิการ์ กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้โทรศัพท์เช็คกับสำนักงานบริษัทการบินไทย เมืองยอร์คจาการ์ต้า พบว่ามีเพียงโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติว่าระงับทุกเที่ยวบินที่บินเข้าไทยจนถึงหกโมงเย็นวันนี้ และยังไม่มีอะไรคืบหน้า จึงตัดสินใจอยู่ที่เมืองยอร์คจาการ์ต้าต่อไป พร้อมกับไทย 6 คน และคนญี่ปุ่นที่ทำงานในไทยอีก 2 คน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมด้วยกัน


 


"รู้เลยว่า เวลาอยู่ไกลบ้านตามข่าวแล้วมันประสาทเสียนะ นี่ขนาดที่โรงแรมที่พักก็มีเนตให้ใช้ แล้วลองคิดถึงใจคนที่ติดต่อใครไม่ได้ ข่าวคราวก็เช็คไม่ได้ดู ของเราแค่กลับบ้านไม่ได้ ไปไม่ได้ นัดหมายที่มีอยู่เสียหายหมด แต่ลองคิดถึงคนที่ติดค้างอยู่ในสนามบิน แบบที่ตกค้าง ไม่มีเงินแล้ว หรืออยู่คนเดียว"


 


กรรณิการ์กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ได้ทำการเลื่อนตั๋วกลับเป็นพรุ่งนี้และได้ติดต่อกับทางบ้านแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถเดินทางกลับได้ไหม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังค่อนข้างดีกว่าคนที่ติดอยู่ที่อื่นๆ เพราะได้เข้าพักในโรงแรมแล้วและไม่ต้องไปติดค้างที่สนามบิน โดยมีองค์กรที่จัดการประชุมเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้


 


"เราก็เหมือนนักท่องเที่ยวที่ติดในเมืองไทยนั่นแหละ ไม่รู้ชะตากรรม อยากให้เห็นภาพคนที่ได้รับผลกระทบอยู่นอกประเทศด้วย" กรรณิการ์กล่าวถึงความรู้สึกต่อการนำเสนอข่าวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย


 


ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์จากอินเตอร์เน็ต รวมทั้งข่าวในสื่อต่างประเทศ กรรณิการ์กล่าวว่า การติดตามข่าว และดูการวิเคราะห์ ทำให้เข้าใจว่าคนต่างชาติคิดยังไงกับประเทศไทย ทั้งภาพความรุนแรงการปะทะกันตามจุดต่างๆ การเล็งปืน แล้วถือภาพในหลวงอยู่ข้างหลัง ซึ่งมันน่ากลัวมาก อีกทั้งยังมีการออกมาวิเคราะห์ด้วยว่า ไม่รู้จะจบยังไง ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยจะมีวันนี้


 


นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ของโจนาธาน เฮด ใน BBC น่าสนใจมาก เขาบอกว่าทหารถูกกดดันให้ทำรัฐประหารตลอด แต่ทหารก็ไม่อยากทำ และรัฐบาลก็ฉลาดพอที่ไม่ใช่ความรุนแรง ถ้ารัฐบาลสามารถรักษาจุดนี้ไว้ได้ ก็น่าจะผ่านไปได้แบบไม่รุนแรง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง นอกจากนั้นเขาก็ยังเห็นอันตรายจากที่สองกลุ่มหัวรุนแรงปะทะกันด้วย


 


"ใน BBC ก็เห็นภาพที่ต่างชาติโวยวายในสนามบิน แต่คนของ พันธมิตรฯ พยายามมาปิดกล้อง ไม่ให้ถ่าย ถ้าคุณคิดว่าคุณทำถูก คุณก็ต้องเปิดเผยและอธิบายสิ แต่คำถามคือ การกระทำของคุณอธิบายได้ขนาดไหน" กรรณิการ์กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อภาพข่าวชาวต่างชาติซึ่งติดอยู่ในสนามบินไทยที่สื่อต่างประเทศนำเสนอ


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามว่า หากการยกเลิกเที่ยวบินยืดเยื้อเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ครุกรุ่น ผู้โดยสารที่ติดค้างสามารถจะรวมตัวกันหรือทำอะไรได้บ้าง กรรณิการ์กล่าวแสดงความคิดเห็นว่าสิ่งที่ทำได้ขณะนี้คือการรอ ซึ่งไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวที่ติดค้างในไทย  แค่เพียงไม่ใช่ความโกรธ แต่มีความรูสึกหดหู่และกังวลมากกว่า


 


ในส่วนความรู้สึกของคนอื่นๆ ที่ประร่วมประสบชะตากรรมเดียวกัน กรรณิการ์ กล่าวว่า ทุกคนรู้สึกห่วงสถานการณ์ในเมืองไทย และพยายามเปิดรับข่าวสารจากในประเทศโดยที่ทุกคนต้องเปิดมือถือไว้ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ก็รู้สึกว่าการปิดสนามบินเป็นสิ่งที่มากเกินไป เพราะมันเกี่ยวกับผู้คนจำนวนมาก และธุรกิจมหาศาลต้องเสียหาย ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่าจะฟื้นคืน


 


"เรารู้สึกเหมือนถูกจับเป็นตัวประกันทางการเมือง จากทุกฝ่ายด้วยนะ  ไม่ว่าฝ่ายไหน การไม่ยอมกันแม้แต่นิดเดียว แล้วใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในขณะนี้เป็นตัวประกันทางการเมือง จะเหลือแค่ว่าเราไม่ได้ถูกระเบิดจริงๆ ผูกติดตัวเท่านั้น" กรรณิการ์ กล่าว


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net