Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 16.15 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงตอบโต้การปราศรัยผ่านวีดีโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พาดพิงกล่าวหาว่าตนเคยรับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีสื่อมวลชนให้ความสนใจการแถลงของนายกษิต เป็นจำนวนมาก

 
000
"พ่ายแพ้กันไปในสภาหมดแล้ว ยังออกมาตอแยผมนอกสภา จะเอายังไงแน่"
สวัสดีครับเพื่อนสื่อมวลชนครับ คงจะทราบจุดประสงค์ว่าทำไมถึงต้องมาแสดงเองในวันนี้ ก็คงจะสืบเนื่องมาจากคำกล่าวชื่นชมผม โดยคุณทักษิณ จากต่างประเทศ
ตั้งแต่เข้าสู่แวดวงการเมืองมา 4-5 ปีนี่ ตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ดี หรือขึ้นมาอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ ก็ดี สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจอยู่ตลอดเวลาคือจะพูดอะไรที่เป็นสาระ เนื้อหา อุดมการณ์ความชอบธรรม หรือจะวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการของรัฐบาลในระบอบทักษิณก็ดี ก็เพื่อที่จะให้เห็นความต่างว่าผมไม่เห็นด้วยอย่างไร ด้วยเหตุผลอันใด ไม่เคยมีเจตนาหรือความมุ่งมั่นใดๆ ที่จะเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาพูดด้วย ผมมีความเป็นลูกผู้ชายและก็นักเลงเพียงพอ ที่จะไม่เล่นการเมืองใต้สะดือนะครับแล้วก็ไม่เคยที่จะไปกล่าวอะไรที่เกี่ยวกับคุณทักษิณ ที่เป็นเรื่องส่วนตัวเลย ทุกสิ่งทุกอย่างโยงไปได้เกี่ยวกับการทำงานของตัวคุณทักษิณเองหรือว่าระบอบทักษิณ ซึ่งปกครองประเทศอยู่เป็นเวลาหลายๆปี และความต่างของผมกับคุณทักษิณ คือความต่างในแง่ของเนื้องาน ประเด็นที่เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ หรือสิ่งที่ผมเห็นว่ามันไม่ถูกต้องในแง่ของความสุจริตในการบริหารราชการและก็โดยตลอดมาผมได้พูดกับคุณทักษิณ โดยตรงว่าอะไรที่ผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และในมากโอกาสเลยก็ได้บันทึกรายงานขณะที่เคยเป็นที่ปรึกษาของคุณทักษิณ อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงปี 45 ไม่เคยเลยที่จะเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามา
แล้วก็ลิ่วล้อของคุณทักษิณ ก็ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ในสภาก็ทราบกันดีอยู่ เป็นเรื่องส่วนตัว สาดโคลนอะไรต่างๆ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้รัฐสภาไทยสง่างาม แต่ก็เป็นแค่ลิ่วล้อ มือปืนรับจ้าง สวะสังคมทั้งหลายก็ไม่ว่ากัน แต่วันนี้นายใหญ่ลงมาเล่นเอง ก็ด้วยความยินดีนะครับ ผมก็ไม่อยากจะขึ้นเวทีชกกับเฮฟวี่เวท แต่ถ้าคุณทักษิณพร้อมเปิดสนามอันนี้ก็ขอต้อนรับด้วยความยินดี และขอท้าคุณทักษิณ เลยว่าอย่าเก่งแต่พูดคนเดียว เหมือนตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วพูดวันเสาร์อยู่คนเดียว ไม่กล้าไปสภา หนีสภาอยู่ตลอดเวลา และเมื่อทางฝ่ายค้านก็บอกว่าคุณทักษิณได้ออกวิทยุโทรทัศน์ทุกวันเสาร์ 2 ชัวโมงชั่วโมงครึ่ง ทำไมไม่ให้ผู้นำฝ่ายค้านได้มีเวลาเหมือนกัน คุณทักษิณก็ไม่กล้า และก็หลีกเลี่ยงการปรากฏตัวที่สภา และก็บอกว่า ณ วันนี้ข้าพเจ้าเป็นนักประชาธิปไตย ทั้งที่หนีสภามาตลอดเวลาแล้วจะบอกว่า เป็นนักประชาธิปไตยได้อย่างไร ไม่เคยคิดเล่นในระบอบรัฐสภาใช้รัฐสภาเป็น Rubber stamp (ตรายาง) เพียงเท่านั้นเอง ให้หันเห ไปตามอำนาจการเงินที่มีอยู่ ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่
ตอนนี้ เมื่อนายใหญ่จะลงมาเล่นเอง ก็ด้วยความยินดี ก็ขอฝากคุณทักษิณว่าไอ้พวกลิ่วล้อทั้งหลาย อย่าให้มาเกะกะหน้าตาผมได้ไหมครับ ออกไปให้ห่างๆ อย่ามาเสียเวลา พ่ายแพ้กันไปในสภาหมดแล้ว ยังออกมาตอแยผมนอกสภา จะเอายังไงแน่ จะเล่นกันบนท้องถนนหรือจะเล่นกันในรัฐสภา เล่นสองอย่างไม่ได้ก็เลือกเอาสักอันหนึ่ง และนี่ก็เป็นสิ่งที่อยากจะบอกว่า ถ้าเผื่อจะเล่นกันแล้ว ผมขอท้าโต้วาทีกับคุณทักษิณ ให้คุณทักษิณเลือกเวทีด้วย ไหนว่าพูดภาษาอังกฤษเก่งนัก จะเอา บีบีซี ไหมครับ ซีเอ็นเอ็นไหม อัลจาซีราไหม ซีเอ็นบีซีไหม และก็เลือกเวทีด้วย จะเอาที่สันป่าตองก็ได้นะครับ ที่เชียงใหม่ก็ได้ เอาที่ดูไบก็ได้ เอาที่ฮ่องกงก็ได้ ที่ไหนที่คุณทักษิณโอ้อวดว่ามีเพื่อนเยอะๆในต่างประเทศนั้น เวทีไหนก็ได้ หรือจะกลับไปที่สเตเดียมของแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ได้ทุกเมื่อนะครับ ผมพร้อมเสมอ และตัวผม ผมยังมีเพื่อนๆอีกเยอะแยะ ยาวเป็นแถวทั้งในพรรคประชาธิปัตย์และก็บนเวทีพันธมิตร เลือกมาเลยได้ไหมครับว่าจะสู้กับเขาหรือไม่ อย่ามาทำอวดเก่งคนเดียว พูดคนเดียว ฟังคนเดียว และก็โอ้อวดโกหกพกลม อันนี้ไม่เล่นกันครับ เอาของจริงมาพูด เอาของแท้ๆ พูดกันด้วยสาระเนื้อหา พูดกันด้วยอุดมการณ์ พูดกันด้วยความเชื่อถือ อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง นั่นเป็นประเด็นที่หนึ่ง
"คุณทักษิณจะทวงคืนไหม 1 ล้านบาท ผมจะคืนให้เดี๋ยวนี้ เอาไหมครับ มาล้วงจากบาตรไปได้ไหมครับ"
ประเด็นที่สอง ผมมาเป็นรัฐมนตรี 3 เดือนแล้วและก็ออกต่างจังหวัดเพราะว่าท่านนายกฯ อภิสิทธิ์บอกให้ไปออกต่างจังหวัดในฐานะผู้ตรวจราชการซึ่งตรวจมา 3 จังหวัด ในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ของสังคม ในความมีเมตตาธรรม ความโอบอ้อมอารีของคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่นี่ส่วนหนึ่งคือการให้สตางค์เด็กๆ นะครับ ก็ทำกันมาตลอด และโดยที่กระทรวงการต่างประเทศก็เป็นประเพณีกันตลอดทุกยุคทุกสมัย เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปต่างประเทศก็จะมอบเงินส่วนหนึ่งให้กับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยให้กับพนักงานท้องถิ่นหรือฝากให้ไปทำบุญอะไรต่างๆ เหล่านี้ คุณทักษิณได้ให้สตางค์ผมในหลายประเทศ ไม่ได้ไปขอ แล้วก็ให้เอง แต่ถ้าเผื่อถามว่า มีอะไรจะให้ช่วยไหม ผมก็จะขอ ณ วันนี้มันก็เหมือนกับว่าทุกเช้าหรือวันพระหรือวันเสาร์-อาทิตย์ เราไปตักบาตร เราเอาของใส่บาตรให้กับพระภิกษุสงฆ์
ณ วันนี้ คุณทักษิณจะมาล้วงออกจากบาตร ออกไป ถามว่าคุณทักษิณเป็นมนุษย์หรือว่าเป็นเปรต คือว่าในเมื่อทำบุญไปแล้ว ให้สตางค์ผมมาซึ่งผมไม่ได้รับมาใช้เพื่อตัวเองแม้แต่สตางค์แดงเดียว เพราะถ้าเผื่อผมรับมาแล้ว เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมก็ไม่ขึ้นเวทีพันธมิตร ผมก็ไม่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และวันนี้ ผมจะไม่มายืนตรงนี้ เพราะว่าผมจะกลายเป็นลูกทาสของคุณพ่อทักษิณ ผมจะไม่มีความสง่างาม ถ้าผมเคยตกอยู่ในอำนาจเงินของคุณทักษิณ ดังนั้น ไม่มีทางเป็นอันขาด เพราะฉะนั้น คุณทักษิณ - ขอความกรุณา อย่ามาบิดเบือนข้อเท็จจริง สตางค์ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ให้ผมมา ผมได้เรียนให้คุณทักษิณทราบว่าผมเอาไปทำอะไร
ยกตัวอย่างที่อินโดนีเซียนะครับ พนักงานท้องถิ่นได้เงินเดือนแค่คนละพันกว่าบาท เมื่อให้มา ผมก็แจกทั่ว ชาวประมงไทยถูกจับต้องมานอนอยู่ที่สถานทูต ไม่มีอาหาร ก็เงินคุณทักษิณทั้งนั้น ศาสนาพุทธเริ่มที่จะกลับมาที่อินโดนีเซียก็เอาเงินคุณทักษิณไปทำบุญ คุณทักษิณจะเอาเงินเหล่านี้คืนหรือครับ และก็มีพนักงานท้องถิ่น 2 คนที่สถานทูตอินโดนีเซียตายไปแล้ว คุณทักษิณจะตามไปที่นรกหรือสวรรค์หรือครับ แต่ผมคิดว่าถ้าจะไปสวรรค์ คุณทักษิณคงไปไม่ถึง คงไปอีกทางหนึ่ง แต่ผมคิดว่าพนักงานท้องถิ่นของผมคงไม่ลงนรกเด็ดขาด จะไปทวงคืนเขาหรือครับ
เงินที่ตัวเองได้มาให้เนี่ยก็ไปแล้ว ใช้ไปแล้วและ ในวันนั้นเนี่ย คุณทักษิณเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของสังคมไทยที่มีเมตตาธรรม มีความโอบอ้อมอารีและ ณ วันนี้จะมาทวงหนี้กับบุคคลเหล่านั้น จะเป็นกรณีที่เยอรมันก็เช่นกัน ผมเป็นผู้ที่ริเริ่มในการทำกงสุลสัญจร เพื่อใครครับ-ผู้หญิงไทยที่อดีตเป็นผู้หญิงหากิน ชีวิตจะเริ่มขึ้นใหม่ที่ประเทศเยอรมัน ไปวัดวาอารามตั้งเป็นสมาคม เราเอาคนไปฝึกเขาในเรื่องสมาธิวิปัสสนา ไปฝึกเรื่องนวดแผนโบราณ พาหมอไปดูเรื่องจิตแพทย์อะไรต่างๆ เหล่านี้ หรือเขาอยากจะทำบุญก็ได้ใช้เงินของคุณทักษิณไปช่วยเขาเล็กๆน้อยๆมันไม่กี่สตางค์ รวมทั้งหมดที่เอาสตางค์มาผ่านมือผม มันไม่กี่แสนบาทเท่านั้นเอง
คุณทักษิณจะทวงคืนไหม 1 ล้านบาท ผมจะคืนให้เดี๋ยวนี้ เอาไหมครับ มาล้วงจากบาตรไปได้ไหมครับ มนุษย์อะไร ช่วยเหลือคนเขาไว้แล้ว แล้ว ณ วันนี้อยากจะมาทวงคืนเพียงเพื่ออยากจะกระทืบผมให้จมแผ่นดินการเมืองไปเท่านั้นเอง โดยไปพูดกับชาวบ้านว่าผมรับสตางค์คุณทักษิณ ไอ้อย่างนี้มันไม่ไหวแล้วครับ ขอทวงคืนคนที่มีเมตตาธรรมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศเพราะคุณทักษิณมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ 3-4 เดือนและมาเป็นรองนายกฯ และมาเป็นนายกฯ แม้กระทั่งล่าสุด เกิดอุทกภัยที่มิสซิสซิปปี้ และหลุยส์เซียน่า พายุแคทรีน่า จำได้ไหม เป็นเดือนสุดท้ายของการรับราชการของผม ผมจะเกษียณอายุและคุณทักษิณมาเยือนสหรัฐ มีคนไทยประมาณ 200-300 คน ที่จะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมีอยู่ที่นิวออร์ลีน ผมก็บอกท่านนายกฯ ทำไมไม่ช่วย ก็มอบเงินผ่าน ดร.พรหมมินทร์มาให้ 20,000 เหรียญ ทุกเหรียญทุกเซ็นเนี่ยได้ส่งไปให้คนไทย รวมทั้งภิกษุสงฆ์ที่อยู่ทางนั้นด้วย คุณทักษิณจะเอาคืนหรือเปล่าครับ หรือคุณทักษิณคิดว่าผมยักยอกไป อะไรต่างๆเหล่านี้ มาพูดอะไรกัน มาพูดกันด้วยความจริงดีกว่า เพราะเมื่อทำบุญแล้วอย่าไปล้วงออกจากบาตรครับ มันบาป และอย่ามาสร้างความบิดเบือนให้กับข้อเท็จจริง นั่นเป็นประเด็นที่ 2 ที่อยากจะขอให้ทราบไว้ว่ารับสตางค์มานั้น ผมเป็นเพียงแค่ทางผ่านเท่านั้นเอง ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณทักษิณ วิ่งจะให้โน่นให้นี่หรือจะซื้อของให้ ผมปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา เพราะผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ และผมก็พอกินพอใช้ตามสภาพของผม ก็ขอเรียนให้ทราบ
ส่วนประเด็นที่ 3 เรื่องหนังสือเดินทาง เมื่อคุณทักษิณบอกกับชาวบ้านเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาว่าจะส่งคืนให้ผม ให้ผมไปรับ ก็ยินดี และบอกสถานที่มาสิครับ อย่าทำตัวเป็นตุ๊ดตู่อยู่ในรูกระบอกไม้ หลบซ่อนอยู่ที่ไหนในเวทีของโลกนี้ ผมก็ยินดีที่จะบินไปหา บอกมาสิครับ หรือถ้าไม่ต้องให้ผมต้องเหน็ดเหนื่อยถึงขนาดนั้นก็ส่งคืนมาได้ เมื่อไม่ใช้แล้วและมีพาสปอร์ตของประเทศอื่นก็ยินดี และในวันนี้ถ้าเผื่อสละสัญชาติไทยแล้วก็ยิ่งดีใหญ่เพราะมันรกแผ่นดินที่จะมีคนอย่างคุณทักษิณอยู่บนแผ่นดินไทยอย่างนี้
เมื่อไม่ใช้แล้วก็ส่งคืนมาก็แค่นั้นก็ดีแล้ว ก็ขอเชิญให้ทำจริง พูดจริงและบอกมาว่าจะให้ไปรับที่ไหน หรือว่าไม่มีสตางค์เหลืออยู่แล้ว ผมก็ยินดีที่จะออกค่าพาสปอร์ตอันนั้นให้ด้วยความยินดีนะครับ ขอย้ำถ้าเผื่อจะให้ไปรับก็บอกมาว่าอยู่ที่ไหน ยินดีไปพบทุกเมื่อ และผมก็จะขนไวน์ไปสัก 2-3 ขวด ในฐานะเพื่อนเก่า ขอนั่งดื่มไวน์และก็คุยกันถึงความหลัง ที่เราเคยเพ้อฝันกันว่าจะเป็นอย่างไร
"ผมก็หลงรักคุณทักษิณ เหมือนคนอื่นๆ".....
แล้วประเด็นต่อไปคุณมาหาว่าผมอย่างโน้นอย่างนี้ เรื่องตำแหน่ง -ขอโทษทีคุณทักษิณ เราแชร์อุดมการณ์มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1994 ผมเป็นทูตอยู่ที่อินโดนีเซีย ท่านเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และท่านมาเยือนอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก เราชอบพอกัน ผมก็หลงรักคุณทักษิณ เหมือนคนอื่นๆ นะครับ ว่าเป็นคนสมัยใหม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ผมไม่เคยทราบตื้นลึกหนาบางของชีวิตคุณทักษิณ แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ พูดจารู้เรื่องอยากจะทำงานทางการเมือง ผมก็เป็นแฟนคุณทักษิณคนแรกๆชื่นชมด้วยความยินดี คุณทักษิณ ชวนผมลงเลือกตั้ง เขต 2 กทม. พรรคพลังธรรม แล้วตอนหลังเปลี่ยนใจจะให้ผมลงผู้ว่าฯ กทม. พอดีท่านจำลองกลับมาที่พรรคพลังธรรม นี่คือที่มาที่ไปที่ผมช่วยแนะนำนโยบายของพรรคพลังธรรม ผมต้องลางาน 2-3 สัปดาห์มาฝังตัวที่ตึกชินวัตร ซ.พหลโยธิน 8 เพราะคิดว่าเราจะร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เป็นเลิศได้ เพราะผมเห็นว่าคุณทักษิณเป็นคนสมัยใหม่ ซึ่งเราได้ติดต่อไปมาหาสู่กันตลอดเวลา พูดคุยราจะนำพาประเทศไทยอย่างไร ผมก็ฝันกับคุณทักษิณว่าเราจะร่วมกันทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศ จนกระทั่งถึงกลางปี 2543 ก่อนที่จะเลือกตั้ง 5-6 เดือน ผมเป็นทูตที่เบอร์ลิน
คุณทักษิณ ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย เพื่อไปร่วมงานโฟโต้ เอ็กซิบีชั่น ก็ได้โทรมาชวนผมให้ไปพบกันที่เมืองดุสเซินดอฟ และโคโลญ และทันทีที่วางโทรศัพท์ เมื่อภรรยาทราบว่าผมจะไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใจหายแล้ว เชื่อว่าต้องชวนผมมาทำงานร่วมกันอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามคาดว่าได้คุยกัน สานฝันร่วมกันว่าจะทำประเทศไทยให้เป็นเลิศ เพื่อแข่งกับเกาหลีให้ได้
เราจะปรับปรุงสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นแบบไวท์ เฮ้าส์ หรือดาวนิ่ง สตรีท เพราะโลกาภิวัฒน์ ทุกอย่างมันวิ่งเข้าสู่ตัวนายกรัฐมนตรี ต้องเคลื่อนไหวเร็วสู้กับเขาได้ ใช้เทคโนโลยีบริหารราชการ เราจะต้องมีห้องซิมูเลชั่น รูม เพื่อจับตาความเคลื่อนไหวทั้งประเทศ ฝนตกที่ไหน น้ำท่วมที่ไหน ก็จะสั่งการได้ เป็นการขายอุดมการณ์ความฝันภายใต้ผู้นำที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร เราได้คุยกัน 2 วัน 3 คืน คุณทักษิณ บอกกับผมว่าถ้าได้เข้ามาเป็นรัฐบาลจะให้ผมมาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตอนนั้นก็ชนะการเลือกตั้ง ผมก็ยุติการเป็นทูต แล้วมาเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวงที่นี่ แต่ไปช่วยราชการที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้าและได้มอบหมายให้ผมทำงานหลายชิ้น เช่น เรื่องเพชรซาอุดิอาระเบีย ผมก็ทำบันทึกขึ้นไปให้และทำบันทึกว่าควรปฏิรูปกรมตำรวจ แต่คุณทักษิณ บอกว่าทำไม่ได้เพราะกรมตำรวจเป็นบ้านเก่าของเขา แล้ววันนี้ สังคมไทยเป็นอย่างไร ครับฉะนั้นจะบอกว่าไม่ได้อ่านบันทึกนั้นไม่ได้ สิ่งที่ผมเขียนคือเนื้อแท้อนาคตของบ้านเมือง ไม่ใช่คุณทักษิณอ่านไม่รู้เรื่อง แต่คุณทักษิณไม่อยากจะฟัง และหลังจากที่คุณทักษิณ ล้างมือทางการเมืองไป คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ชวนผมไปเป็นที่ปรึกษา แต่พออยู่ไปสักพัก ผมขึ้นเวทีพันธมิตรมากเกินไปจึงขอยุติหน้าที่ดังกล่าว   
ผมไม่มีอะไรที่ไม่ชอบคุณทักษิณเป็นการส่วนตัว แต่เป็นเรื่องสิ่งที่ได้เคยพูดกันไว้ ไม่ว่าจะที่อินโดนีเซีย กรุงเทพ และเยอรมันนั้น กลับไม่เคยดำเนินการตามที่ผมคิดว่าควรดำเนินการ ส่วนมุมมองของคุณทักษิณ ที่มีต่อผม คงคิดว่าผมทรยศต่อคุณทักษิณ เคยชวนมาอยู่ด้วยแล้วเอ็งมาเป็นศัตรูของข้าวันนี้ มันไม่มีเรื่องที่ขัดแย้งส่วนตัว เช่น ชิงดีชิงเด่น แย่งผู้หญิง ไม่ชอบหน้ากัน หรือด่าทอกัน แต่เป็นเรื่องความต่างของอุดมการณ์ ผมเห็นว่าระบอบทักษิณ ตัวคุณทักษิณเองไม่มีธรรมาภิบาล ซึ่งเราก็ไม่เคยสู้ในทางลับ แต่สู้ในที่แจ้ง ตามท้องถนนตลอดเวลา ต้องขอบคุณเพื่อนส.ส. ที่อุตส่าห์ขึ้นจอในรัฐสภา ผมก็อยากจะขอเซ็นชื่อบนโปสเตอร์หรือซีดีเพื่อประมูลขายช่วยเหลือคนยากจน จะช่วยให้คู่ต่อสู้บนเวทีการเมืองของผมอย่างน้อยได้ทำบุญร่วมกัน แต่อย่ากลับไปล้วงบาตรคืนเลย  
รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันนี้ ไม่มีไพ่จะเล่นแล้ว นอกจากพยายามจะขุดคุ้ยทำตัวเป็นหนอน อยู่ในโคลนตมในสิ่งที่เน่าเฟะ เพื่อจะดูว่ามีอะไรในกอไผ่ในกระทรวงฯ เกี่ยวกับผมอีกไหม ที่จะสามารถกระทืบผมลงแผ่นดิน ถามว่าคุณทักษิณหมดปัญญาแล้วหรือครับ ไม่เป็นนักเลงพอแล้วหรือ ถึงให้ลิ่วล้อทั้งหญิงชายพยายามขุดคุ้ยเรื่องของผมดูซิว่าเป็นยังไง เปียโนของผมอยู่บ้าน ซื้อมือสองจากเยอรมัน ราคาแสนเศษเท่านั้น แล้วมันหนักกระบาล หรือหนักหัวใครหรือเปล่า และถ้าอยากจะเรียนเปียโน ผมก็พร้อมจะสอนเล่นเปียโนด้วย แล้วถ้าคิดว่าเปียโนนี้ไม่ได้กรอกไว้ในใบแสดงทรัพย์สิน จะให้ถูกลงโทษผมก็ยอม ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปกปิด ผมอยู่ทาวเฮ้าส์สภาพอย่างไรไม่เคยปิดบัง ไม่ได้เป็นอีแอบซ่อนความร่ำรวยไว้ อยากรู้อะไรผมชี้แจงได้ ไม่อย่างนั้นไม่ยืนตรงนี้ ไม่มาเล่นการเมือง ไม่มาเป็นรัฐมนตรี และไม่มาโต้เถียงกับคุณทักษิณในที่แจ้ง
ท้าทักษิณ พร้อมดีเบตทุกเวที
และผมขอท้าคุณทักษิณอีกทีหนึ่งที่ไหนก็ได้ทุกเวที และที่จะมาข่มขู่ประชาชนว่ามีกองกำลัง มีกำลังตำรวจ มีกองทัพเสื้อแดง ผมมีมากกว่าคุณทักษิณครับ จะไปรบที่ไหนวิธีใดก็ได้ เพราะผมไม่ได้วิงวอน ขอญาติพี่น้องทั้งหลายมาแสดงพลัง แล้วมาฟัดกับคุณทักษิณ คุณกลับมาบัญชาการรบที่นี่สิครับ จะเป็นที่เกาะกง เกาะกูด ก็บอกมา ได้ทั้งนั้น อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเตรียมทหารรุ่น 10 แล้วมีเงิน จะมาบงการสังคมไทยได้ หรือจะใช้ไอ้กองกำลังที่เป็นกุ๊ยทั้งหลาย หรือคนไทยที่ไม่รักชาติ ไม่รักสถาบัน มาข่มขู่สังคมไทย หรือข่มขู่ผมได้ จะเอายังไงได้ทุกรูปแบบทั้งนั้นและผมท้าด้วยแต่ผมทราบดีว่าคุณทักษิณเป็นคนขี้ขลาดอย่างยิ่ง เก่งอย่างเดียวคือพูดผ่านไมโครโฟน หนีสภา หนีการโต้วาที หนีศาลแล้วให้ลิ่วล้อมาว่าผมเป็นผู้ก่อการร้ายสากล แล้วคุณทักษิณ ไปเรียนจบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจได้อย่างไร เป็นด็อกเตอร์ได้อย่างไร แยกแยะอะไรไม่ถูกว่าผู้ก่อการร้ายสากล กับคนที่ไปพูดบนเวทีเพื่อแสดงซึ่งอุดมการณ์เป็นอย่างไร อย่ามาสาดโคลน อย่าใส่ร้ายป้ายสี เพราะทำอย่างนี้เหมือนเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายโกรธ พยายามทำให้อับอายขายหน้า แล้วหันเหสิ่งที่ถูกต้องกลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตรงนี้ไม่ใช่นิสัยของคนที่สง่างาม นอกจากนี้ยังหาคดีมาฟ้องร้องผมอีก ว่าผมกล่าวหาว่าอยากจะเป็นประธานาธิบดี ก็รู้อยู่แก่ใจว่าอยากจะเป็นอะไร หมดท่าแล้วก็วิ่งไปหาศาล ทั้งที่เคยบอกว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ดี หนีศาล หนีคุกตาราง แต่ขณะเดียวกันก็พยายามจะจ้างทนายมาฟ้องร้องคู่ต่อสู้ทางการเมือง แล้วทำไมไม่กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม กลับมาสู่คุกตาราง และที่ท้าจะคืนพาสปอร์ตให้ ก็ขอให้คืนบัตรประชาชนกลับมาด้วย แล้วจะไปเป็นประชาชนของประเทศไหนก็เชิญ อย่ามาตอแย ข้องแวะกับประเทศไทย เพราะสังคมไทยต้องการเดินหน้าไม่ต้องการเผด็จการรัฐสภา ไม่ต้องการคนที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ทำตัวเหมือนเหมือนฮิตเลอ์เหมือนเผด็จการ เมื่อผมพูดแบบนี้ก็ฟ้องผมสิครับ เพราะนั่นเป็นไพ่ใบเดียวที่ท่านมีเหลืออยู่ในกระบวนการยุติธรรม แต่ก่อนฟ้องผม ต้องกลับมาเข้าคุกเสียก่อน แล้วมาเริ่มกันที่นี่ อย่าทำตัวเป็นมนุษย์ขี้ขลาด ผมไม่อยากใช้คำว่าหน้าตัวเมียนะครับ ผมไม่อยากใช้คำนั้น แต่ในที่สุดผมก็คงต้องใช้ เพราะคงไม่กล้ากลับมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอันนี้ต่างหากที่ผมขอท้าทาย และขอให้เลิกใช้ลิ่วล้อ แต่กลับมาฟาดกันตัวต่อตัวได้ทุกเวทีและทุกรูปแบบ ผมพร้อมเสมอ ผมไม่เคยไปเรียนติดอาวุธ ไม่เคยเรียนโรงเรียนตำรวจหรือทหาร ผมไม่มีเงิน ผมมีเกียรติประวัติแค่นี้ แต่อย่าได้มาหยามกัน และอย่ามาเล่นสกปรก ผมได้พูดในสภาแล้วว่าจะสู้ไม่ถอย จนชีวิตจะหาไม่ ถ้าผมจะเอาคุณลงได้ ผมทำแน่ๆ ไม่ต้องมาหลบๆซ่อนๆ
000
จากนั้น นายกษิต ได้กล่าวขอโทษที่ใช้เวทีกระทรวงการต่างประเทศเป็นสถานที่ตอบโต้ข้อกล่าวหา ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายต่างประเทศ แต่เป็นเพราะรอเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ให้ถึงพริกถึงขิงกันไปเลย และขอท้า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าถ้าแน่จริงก็เวทีไหนก็ได้ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี อัลจาชีร่า โดยจะเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้
ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ยื่นต่อกกต.เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของนายกษิต ภิรมย์ กรณีที่ภรรยาถือหุ้นในบริษัททางด่วนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น นายกษิต ชี้แจงว่า มันเป็นเรื่องของหุ้นกู้ และการกรอกเอกสารชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งก็ได้ขอให้ป.ป.ช.ช่วยดูให้แล้ว และมีคนตรวจสอบแล้ว มันไม่ใช่เป็นหุ้นอย่างที่มีคนเข้าใจกัน ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจที่ส.ว.คนดังกล่าว ที่เป็นนักกฎหมาย น่าจะรู้และแยกแยะได้ อย่างก็ตามตอนนี้กำลังขอให้ธนาคารที่ได้นำฝากไว้ได้ดำเนินการเรียบเรียงข้อมูลและจัดพิมพ์เป็นเอกสารเพื่อแจกให้กับทุกคน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ถ้าพบว่าผิดจริง เพราะเป็นความโง่เขลาหรือได้รับคำแนะนำที่ผิด ก็ไม่เป็นไร ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ต่อไปมาเป็นประชาชนธรรมดา ก็มาลุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ตนพร้อมเสมอ ไม่มีปัญหาอะไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net