Skip to main content
sharethis

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ในวันนี้ (30 ก.ค.) กกต.ได้พิจารณากรณี นายสัณฑพงษ์ โสไกร ร้องเรียนและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการซื้อตัว ส.ส.จากพรรคการเมือง ซึ่งไม่ถูกยุบว่ากรณีดังกล่าวคล้ายกับกรณีพรรคไทยรักไทยใช้เงินจ้างพรรคเล็กเพื่อลงสมัคร ซึ่งหากมีมูลก็อาจจะมุ่งเข้าสู่ประเด็นยุบพรรคได้ ซึ่ง กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนขึ้นมาหาข้อเท็จจริง รวมถึงให้ที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาประเด็นข้อกฎหมาย

"กกต.เห็นว่าจากการตรวจสอบข่าวที่เสนอ ไม่มีผู้ใดยืนยันมีการซื้อตัว และไม่พบข้อมูล ข้อเท็จจริง ตามผู้ร้องตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ร้องต้องเพียงให้ กกต.ตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่ โดยไม่กล่าวโทษพรรคการเมืองใด หาก กกต.ดำเนินการตรวจสอบก็พอใจแล้ว ที่ประชุมจึงมีมติให้ยุติเรื่องดังกล่าว"

นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการหารือว่าการที่ศาลฎีกาเลือกตั้งมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งนายนพดล พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 3 และอดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน จะเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคหรือไม่ โดย กกต.มีมติเสียงข้างมากระบุการกระทำความผิดของนายนพดลเกิดขึ้นในขณะที่ยังไม่มีสถานะเป็นกรรมการบริหารพรรค เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 41 วรรคหนึ่ง ระบุว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคให้แจ้งเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลง และวรรคสองกำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้รับการตอบรับจากนายทะเบียน โดยกกต.ได้มีหนังสือตอบรับไปถึงพรรคเพื่อแผ่นดินในวันที่ 20 ธันวาคม 2550 จึงถือว่านายนพดลเป็นกรรมการบริหารพรรคนับแต่วันดังกล่าว

นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า คำพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของของศาลฎีกายังระบุว่าถึงวันที่กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งไว้หลายวัน แต่วันที่เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งคือวันที่ 28 ต.ค. 50 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่นายนภดลจะมีสถานะเป็นกรรมการบริหารพรรค และแม้จะเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้วก็ไม่สามารถย้อนกลับไปยับยั้งการกระทำดังกล่าวได้ ประกอบกับช่วงก่อนที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะตอบรับการเป็นกรรมการบริหารพรรค พรรคเพื่อแผ่นดินได้จัดประชุมกรรมการบริหารพรรคหลายครั้งก็ไม่พบว่านายนพดลเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการบริหารพรรคหรือสมาชิกพรรคแต่อย่างใด ดังนั้น จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่ายการกระทำโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นเหตุให้ต้องเสนอยุบพรรคเพื่อแผ่นดิน

"ชาญชัย" รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินรอด ระบุเอกสารหาย
นายสุทธิพล กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเสียงข้างมากเหตุตามคณะกรรมการไต่สวนฯ ที่เสนอว่านายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในขณะนั้น ไม่มีเจตนาจะไม่ส่งรายงานการประชุมใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคให้นายทะเบียนพรรคเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการแจ้งเหตุขัดข้อง เพราะมีความขัดแย้งภายในพรรคเกิดขึ้น เอกสารไม่ได้อยู่ในการครอบครองของนายชาญชัย และนายชาญชัยได้แจ้งความเรื่องเอกสารสูญหายไว้เป็นหลักฐานไว้ที่ สน.ลุมพินี พร้อมแจ้งเหตุขัดข้องไม่สามารถส่งรายงานดังกล่าวต่อนายทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551

นายสุทธิพล เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ นายวิสุทธิ์ โพธิ์แท่น กกต.คนใหม่ได้ร่วมลงมติด้วย โดยยืนยันว่านายวิสุทธิ์มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายร่วมพิจารณาเรื่องต่างๆ แต่ทั้งนี้ นายวิสุทธิได้ยึดหลักว่าเรื่องใดที่กกต.มีมติไปแล้วก็จะไม่ร่วมประชุมพิจารณาอีก แต่หากเรื่องใด กกต.ยังไม่เคยลงมตินายวิสุทธิ์ก็จะศึกษาสำนวนและร่วมลงมติด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยึดหลักเช่นนี้นายวิสุทธิ์จะไม่ร่วมพิจารณากรณี 44 ส.ส.ใช่หรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า กรณีการถือหุ้นสัมปทานรัฐแม้กกต.จะเคยมีมติ 16 ส.ว.และ 13 ส.ส.ไปแล้ว แต่กรณี 44 ส.ส.ก็ถือเป็นอีกคำร้อง และถือว่ากกต.ยังไม่เคยวินิจฉัยมาก่อน ดังนั้น นายวิสุทธิ์จึงสามารถเข้าร่วมพิจารณาได้

 

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net