Skip to main content
sharethis

เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 สิงหาคม พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ สว.เวร สภ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่กำแพงรั้วร้านอาหารสวนกล้วย ซอยรัตนวาณิชย์ ถ.ธรรมวิถี เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.นราธิวาส นายณัฐพงษ์ ศิริชนะ รอง ผวจ.นราธิวาส น.ท.ไมตรี บุตรบุรี ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองวิทยาการ จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรม และกำลังตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บจำนวนมากนอนจมกองเลือด ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายในร้านอาหารและพื้นกลางถนน เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำผู้บาดเจ็บ 43 คน ส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์อย่างเร่งด่วน

พร้อมกันนั้นประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองนราธิวาส ฉีดน้ำดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้ซากรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บม-4319 สงขลา ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการซุกระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 50 กก. แล้วนำไปจอดไว้ข้างกำแพงของร้านอาหารสวนกล้วย นอกจากนั้นยังพบว่ารถเก๋งและรถกระบะของชาวบ้าน และข้าราชการ จำนวน 5 คัน ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย รวมทั้งสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟมุมกำแพงของร้านอาหารก็ถูกสะเก็ดระเบิดขาดได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ยังพบว่าบ้านพักของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกจุดเกิดเหตุ รวมทั้งร้านอาหารสวนกล้วยและร้านจำหน่ายขนมจีนนคร ก็ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายรวม 6 หลัง จึงเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

สำหรับผู้บาดเจ็บ 43 คน หลังจากแพทย์ปฐมพยาบาลแล้วเสร็จอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านพักได้ 34 คน ทำให้เหลือผู้บาดเจ็บ 9 คนเท่านั้นที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล และมี 3-4 รายที่อาการสาหัส

จากการสอบสวนทราบว่าระหว่างที่ผู้บาดเจ็บ รวมทั้งข้าราชการ ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่ง กำลังแยกย้ายกันซื้อและนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในร้านสวนกล้วย และร้านขนมจีนนครอยู่นั้น ได้มีคนร้าย 1 คน สวมแว่นตาสีแดง ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าซึ่งซุกระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 50 กก.ไว้ภายในรถยนต์ ขับมาจอดที่หัวมุมกำแพงของร้านอาหารสวนกล้วย เมื่อจอดรถแล้ว คนร้ายลงจากรถวิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงขับหนีหายไปประมาณ 5 นาที ก่อนที่รถกระบะคันดังกล่าวจะระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้วางระเบิดคาร์บอมบ์ปรากฏว่าเป็นของนายอรุณ ศิริรังสี อายุ 46 ปี นายช่างรังวัดกรมที่ดิน ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และยึดรถยนต์คันดังกล่าวไปขณะออกรังวัดที่ดิน เหตุเกิดที่บ้านแกและ หมู่ 7 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยรถยนต์คันดังกล่าวเดิมเป็นสีเขียว แต่คนร้ายได้พ่นสีบรอนซ์ทองทับเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด 4 ตัว ที่ติดตั้งไว้บริเวณเสาไฟฟ้าจุดที่คนร้ายนำรถยนต์มาจอด พบว่าเวลา 12.15 น. มีชายอายุประมาณ 25-30 ปี สวมเสื้อแขนยาวพับแขน ใช้หมวกแก๊ปปิดบังใบหน้านำรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ข้างกำแพงของร้านอาหารสวนกล้วย

เผยนาทีระทึก เลือกจังหวะป่วนพักเที่ยง
นายสุรชัย ชวาลารัตน์ นายอำเภอเมืองนราธิวาส ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แพทย์ทำแผลและตรวจร่างกายจากนั้นให้กลับไปพักที่บ้านได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก คนร้ายฉวยจังหวะที่ประชาชนกำลังออกมารับประทานอาหารเที่ยงลงมือก่อเหตุ ทำให้ทุกคนซึ่งอยู่ระหว่างการเดินเลือกอาหารและนั่งรับประทานอยู่ในร้านไม่มีใครทันสังเกตคนร้ายที่นำรถมาจอดไว้ ทั้งนี้โชคดีที่มีกำแพงของร้านกั้นเศษสะเก็ดระเบิดไม่ให้โดนประชาชนซึ่งนั่งอยู่ในร้าน ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่รุนแรง

"จากการสังเกตอาการของผู้ที่บาดเจ็บส่วนใหญ่ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมกัน ส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิดตามร่างกายเท่านั้น โดยแพทย์ได้ทำแผลและอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วเหลือผู้ที่รอดูอาการไม่ถึง 10 ราย" นายสุรชัย กล่าว

แม่ทัพ 4 สั่งล่าคนร้าย-ปรับแผนเข้ม
พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์หน้าร้านอาหารสวนกล้วย กลางเมืองนราธิวาส พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาค 4 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้ร่วมกันติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ขณะเดียวกันได้สั่งปรับแผนเพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัยในช่วงนี้อย่างเคร่งครัดครอบคลุมทั้งพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของสงขลาด้วย เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบจะพยายามก่อเหตุในเดือนรอมฎอนนี้อย่างต่อเนื่อง

ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวอีกว่า คนร้ายพุ่งเป้าสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่สามารถเข้าไปควบคุมพื้นที่ดังกล่าวได้ทั้งหมด เนื่องจากไม่ได้เป็นพื้นที่เสี่ยง หรือเป้าหมายในการก่อเหตุเมื่อเทียบกับจุดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่พื้นที่ลักษณะนี้จะเน้นการขอความร่วมมือประชาชนและเจ้าของร้าน หรือผู้ประกอบการช่วยกันดูแลความปลอดภัยและสอดส่องสิ่งผิดปกติร่วมกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะ ทำให้คนร้ายฉวยโอกาสนี้เป็นช่องว่างในการก่อเหตุ นอกจากนี้ยังเลือกช่วงเวลาที่มีประชาชนเข้ามาใช้บริการร้านอาหารในช่วงเวลาอาหารเที่ยงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งนี้โชคดีที่จุดที่คนร้ายนำรถยนต์ซุกซ่อนระเบิดไปจอดอยู่นั้นใกล้กำแพงพอดีทำให้ช่วยกั้นเศษสะเก็ดระเบิดไม่ให้ไปถึงประชาชนที่นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ทั้งหมด

ประณามทำลายบรรยากาศเดือนศีลอด
นายอับดุลอาซิส เจ๊ะมามะ รองประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการทำลายบรรยากาศอันดีงาม และทำลายบรรยากาศแห่งความบริสุทธิ์ในเดือนรอมฎอน หรือเดือนถือศีลอด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พี่น้องชาวมุสลิมได้ใช้เวลาในการประกอบศาสนกิจตามคำสอนขององค์ศาสดาอย่างเต็มที่ คนร้ายพยายามสร้างสถานการณ์ให้เชื่อมโยงกับช่วงเดือนรอมฎอนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การก่อเหตุครั้งนี้สมควรถูกประณามจากสังคมอย่างยิ่ง

“เป็นความผิดสำหรับผู้ที่กระทำการรุนแรงด้วยการฉวยโอกาสในเดือนอันเป็นบริสุทธิ์ของพี่น้องมุสลิมมาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง และก่อเหตุทำร้ายประชาชน ทำลายทรัพย์สินจนได้รับความเสียหายในครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ไม่ควรเกิดขึ้นในวันนี้เลย” นายอับดุลอาซิส กล่าว

วางบึ้มชุดรปภ.ครูนราฯ แต่พบก่อน
ก่อนหน้านี้เวลา 08.40 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.วัชรพงษ์ จักรโนวัน ร้อยเวร สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด วางไว้ที่คอสะพาน ถนนจารุเสถียร สายสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง ช่วงบริเวณบ้านโคกตา หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จึงประสานไปยัง พ.ท.ยุทธนา สายประเสริฐ ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 เพื่อขอสนับสนุนเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะ จีที 200 มาทำการตรวจสอบ ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.ขวัญดี ฉิมพลี ผกก.สภ.สุไหงปาดี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง

เมื่อทหารชุดดังกล่าวถึงที่เกิดเหตุได้ใช้เครื่องจีที 200 เดินตรวจจับวัตถุต้องสงสัย ปรากฏว่าคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบเคโม ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ

เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายแอบนำระเบิดมาวางไว้เพื่อจุดชนวนดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารชุดรปภ.ครู ที่มักจะผ่านเส้นทางดังกล่าว ในการรับและส่งครูโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ แต่โชคดีที่ชาวบ้านพบเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นทหารตำรวจและครูที่ต้องผ่านจุดดังกล่าวในเวลา 08.50 น.ของทุกวัน อาจจะเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้

นอกจากนี้ เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.ชวาลย์ วงษ์รอด รอง ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบยิงชาวบ้านที่สวนยางพารา บ้านจือนงปือเร๊าะ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตุพบร่องรอยกระสุนปืนที่ต้นยางพาราจำนวนหลายต้น มีหมอนรองกระสุนปืนลูกซองยาวตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 ชิ้น และมีดกรีดยางตกอยู่ที่พื้นจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บ ญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลระแงะ ทราบชื่อคือนายรุสลัน ตานิรู อายุ 30 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่ชายโครงด้านขวา 1 นัด กระสุนฝังในได้รับบาดเจ็บสาหัส

สอบสวนทราบว่าขณะเกิดเหตุนายรุสลันพร้อมด้วยภรรยาและแม่ของภรรยารวม 3 คน ไปกรีดยางพาราในสวนห่างจากบ้าน 500 เมตร ขณะกำลังก้มลงกรีดยางพาราอยู่นั้น คนร้ายซึ่งซุ่มอยู่ในป่าข้างสวนยางได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงใส่นายรุสสันจำนวน 1 นัด กระสุนเข้าที่ชายโครงขวา คาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ

ที่มา: http://www.komchadluek.net

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net