Skip to main content
sharethis

 สรุปสถานการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 13-15 พ.ค. เสียชีวิตรวมแล้ว 16 ราย เจ็บกว่า 141 รายแล้ว

 

เหตุปะทะจากปฏิบัติการ “กระชับพื้นที่” ทำยอด เจ็บ141 ตาย 16

รวมผู้เคราะห์รายจากเหตุปะทะเจ้าหน้าที่ และกลุ่มผู้ชุมนุม นปช ทั้งหมด 157 ราย ในจำนวนผู้บาดเจ็บ 141 รายนี้ มีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ 3 ราย มีรายงานนักข่าวได้รับบาดเจ็บด้วย

06.00 น. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารและผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงซึ่งชุมนุมอยู่ที่แยกราชประสงค์ จากปฏิบัติการกระชับพื้นที่บริเวณแยกถนนวิทยุ และแยกศาลาแดง ในวันที่ 14-15 พ.ค. 53 ณ เวลา 06.00 น. สรุปผู้บาดเจ็บ 141 ราย เสียชีวิต 16 ราย รวมทั้งหมด 157 ราย ในจำนวนผู้บาดเจ็บ 141 รายนี้ มีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ 3 ราย

อีกทั้งมีนักข่าวและช่างภาพทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บหลายราย ดังนี้ เมื่อเวลา 13.55 น. เหตุปะทะบริเวณหน้าสวนลุมไนท์บาซ่าสื่อมวลที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย 1.นายสุบิน น้ำจัน หรือ โจ ช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ตรงฝั่งตรงข้ามสวนลุมพินี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณต้นขา นำส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 2.นักข่าววอยซ์ทีวี 1 คน ถูกยิงที่หน้าอกอาการสาหัส รักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม9 และ 3.นายเนลสัน แรนด์ ผู้สื่อข่าวชาวแคนาดาของสถานีโทรทัศน์ France 24 ถูกยิงด้วยกระสุน 3 นัด ที่ขา ลำตัวและที่เอว ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะยืนอยู่ในฝั่งกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

นอกจากนี้ ข่าวยังมีการรายงานว่ามีนักข่าวญี่ปุ่นบาดเจ็บ 1 คน และนายเสด็จ บุนนาค อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ ยังได้กล่าวแสดงความห่วงใยถึงผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ที่ได้รับบาดเจ็บด้วย


ผู้เสียชีวิต

นายอินแปลง เทศวงษ์ อายุ 32 ปี (ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท)
นายเสน่ห์ นิลเหลือง (ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท)
นายปิยะพงศ์ กิติวงษ์ (ที่โรงพยาบาลตำรวจ)
นายประจวบ สิราพันธ์ (ที่โรงพยาบาลตำรวจ)
นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์ (ที่โรงพยาบาลตำรวจ)
นายพัน คำกอง (ที่โรงพยาบาลพญาไท2)
ชายไทยไม่ทราบชื่อสกุล (ที่โรงพยาบาลพญาไท2)
ชายไทยไม่ทราบชื่อ (ที่โรงพยาบาลราชวิถี)
น.ส.สันธนา สรรพศรี (ที่โรงพยาบาลพญาไท 1)
นายชัยยันต์ วรรณจักร (ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเก้า)
นายบุญทิ้ง ปานศิลา (ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี)
นายกิติพันธ์ ขันทด ทีโรงพยาบาลราชวิถี
นายสรไกร ศรีเมืองปุน (ที่โรงพยาบาลราชวิถี)
นายสมร ใหมทอง (ที่โรงพยาบาลพญาไท2)
ชายไทยไม่ทราบชื่อ (ที่โรงพยาบาลราชวิถี)
นายทิพเนตร เจียมพล (ที่โรงพยาบาลราชวิถี)

 

วันที่ 15 พ.ค.

00.30 น.  (เดลินิวส์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นเมื่อมีรถตู้โตโยต้าคอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮค 8561 กรุงเทพมหานคร ขับมาบนถนนราชปรารภ มุ่งหน้าไปทางดินแดง ด้วยความเร็วสูง เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน ก่อนข้ามทางรถไฟ ได้มีด่านตรวจค้นทหารส่งสัญญาณให้หยุดรถ แต่รถตู้คันดังกล่าวกลับไม่ยอมลดความเร็ว เจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ แต่รถตู้ยังพยายามวิ่งพุ่งชนด่าน ทหารจึงตัดสินใจระดมยิงด้วยกระสุนยางและกระสุนจริงจนรถพรุนไปทั้งคัน ทำให้คนขับตู้เป็นชายวัยกลางคน สภาพมีกลิ่นเหล้าคลุ้ง ถูกยิงที่สีข้างขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส

จากการตรวจค้นภายในรถ พบมีดหัวตัด สัญลักษณ์ของกลุ่ม นปช.จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ได้มีเด็กชายอายุประมาณ 10 ปี ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าท้องจนไส้แตก อาการสาหัส นอกจากนี้ยังมีคนขับรถแท็กซี่อีก 1 คน ที่รอรถกลับบ้านบริเวณดังกล่าว ถูกยิงเข้าที่ลำตัวบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าหน้าที่รีบนำคนเจ็บทั้ง 3 ราย ส่ง รพ.พญาไท 1 เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

 

วันที่ 14 พ.ค.

24.00น. ศูนย์เอราวัณ รายงานตัวเลขล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 125 ราย เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย สัญชาติแคนาดา โปแลนด์และพม่า อยู่ในห้องฉุกเฉิน 7 ราย http://www.ems.bangkok.go.th/report/witayu140553(5).pdf

23.15น.จากการสอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลราชวิถี ยืนยันนายสรไกร ศรีเมืองปุน ชาวกาฬสินธ์ุ มีแผลถูกยิงที่ศีรษะ สมองไหล เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล จุดเกิดเหตุที่ซอยรางน้ำ ศพอยู่ที่ รพ.ราชวิถี

22.30 น. (เดลินิวส์) ที่ซอยรางน้ำ ย่านอนุสาวรีย์ชัย หลังเกิดเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ กระทั่งเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าตรวจสอบความเสียหายได้ พบว่าที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ บริเวณสามแยกรางน้ำ พบศพชายชุดดำ ไม่ทราบชื่อ คาดว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ถูกยิงที่ศีรษะนอนจมกองเลือดเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพบศพนายบุญทิ้ง ปรางศิลา อายุ 24 ปี ลูกข่ายวชิระพยาบาล ที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บขณะเกิดเหตุปะทะ ถูกกระสุนลูกหลงยิงเจาะเข้าลำคอ เสียชีวิตคาที่อีก 1 ศพ

 

22.00น. ศูนย์เอราวัณสรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย บาดเจ็บ 101 ราย โดย 9 รายอยู่ในห้องฉุกเฉิน http://www.ems.bangkok.go.th/report/witayu140553(4).pdf

21.50 น. (ข่าวสด) ผู้สื่อข่าวรายงานจากร.พ.พญาไท 1 สถานที่พยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร กับกลุ่มผู้ชุมนุมนปช. ที่ซ.หมอเหล็ง มีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย เสียชีวิตจำนวน 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งร.พ. ผู้บาดเจ็บประกอบด้วยนายปรีชา สุกใส อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุม ถูกยิงบริเวณหน้าอก นายธนภัทร อนุวรรณ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุม ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่มือข้างขวา น.ส.จักรศรี จำปางาม อายุ 19 ปี ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในซ.หมอเหล็ง ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บบริเวณแขน นายมนู ท่าราช ไม่ทราบอายุ บาดเจ็บสาหัสโดนยิงที่ศีรษะ และน.ส.สันธนา สรรพศรี อายุ 32 ปี ถูกยิงที่บริเวณท้ายทอยซ้ายทะลุลำคอขวา กระสุนตัดเส้นเลือดใหญ่เสียชีวิตทันที โดยน.ส.สันธนาเป็นชาวบ้านที่ออกมามุงดูเหตุการณ์

21.32น. ทวิตเตอร์ จส.100 รายงานมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่ รพ.กล้วยน้ำไท ทำให้มีผู้็เสียชีวิตรวม 5 ราย บาดเจ็บ 81 ราย

ทหาร ยิงรถ จนท.กู้ชีพ
21.14น. เนชั่นทันข่าว รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม นายธีรภัทร์ กลมเกลี้ยง เจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยกับ"คม ชัด ลึก"ว่าเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ตนพร้อมเพื่อนผู้ชายและผู้หญิงที่เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ กำลังเดินทางไปรับผู้บาดเจ็บจากการปะทะระหว่างคนเสื้อแดงและทหาร แต่มีผู้อื่นนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่เมื่อเข้าไปบริเวณดังกล่าวก็ไม่สามารถขับรถออกมาได้ ตนและเพื่อนเจ้าหน้าที่อีกสองคนจึงจอดรถพยาบาลของมูลนิธิไว้ที่บริเวณลานจอดรถโรงแรมพินนาเคิล ซอยงามดูพลี ถ.พระราม 4 ในระหว่างผู้ชุมนุมกำลังยั่วยุทหารโดยการขว้างก้อนหินใส่ จนกระทั่งมีเสียงปืนดังขึ้น ผู้ชุมนุมจึงต่างวิ่งหนีเข้ามาหลบในซอยดังกล่าว

ระหว่างนั้น ผู้ชุมนุมประมาณสิบคนวิ่งเข้ามาหลบที่ลานจอดรถที่ตนจอดรถอยู่ โดยมีเพื่อนสองคนนั่งอยู่ด้านในรถพยาบาล ส่วนตนยืนอยู่ข้างรถ เมื่อทหารวิ่งตามมาถึงลานจอดรถจึงตะโกนถามตนว่าเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงหรือไม่ ตนจึงตอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ในขณะนั้นมีทหารอีกคนเดินเข้ามาแล้วยิงปืนใส่กระจกรถตู้พยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนของตนนั่งอยู่ด้านใน ทำให้กระแจกแตก กระสุนโดนข้อมือของนาย สรายุทธ อำพันธุ์ อายุ 23 ปี ทำให้กระดูกแขนหัก ส่วนผู้หญิงอีกคนในรถได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระจกบาดเล็กน้อย ตนจึงขับรถคันดังกล่าวพาเพื่อนทั้งสองคนไปส่ง ร.พ.จุฬาฯ แต่ต่อมาได้มีการย้ายผู้บาดเจ็บไปยัง ร.พ.พระมงกุฎแล้ว

21.00 น (มติชน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณถนนสาทร ปรากฎว่าได้มีเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณถนนพระราม4 ก่อนถึงสะพานไทยเบลเยี่ยม เจ้าหน้าที่ทหารตั้งแนวป้องกันปิดถนนไม่ให้ประชาชนผ่านเข้าไปที่ถนนพระราม4 ตามประกาศของ ศอฉ. เจ้าหน้าที่ทหารได้ยิงกระสุน ใส่ประชาชนที่ขับรถไปตามเส้นทางถนนสาทร ช่วงบริเวณแยกไฟแดงซอยสาทร 6 หน้าโรงแรมเอฟเวอร์กรีน จนได้รับบาดเจ็บไป1ราย ทราบชื่อ นาย ปิยะรัตน์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 18 ปี โดยถูกยิงเข้าที่บริเวณ ตรงตาตุ่มขาด้านขวา ทำให้กระสุนทะลุเจ้าหน้าที่ศูนย์เอราวัณช่วยลำเลียงส่งไปที่รพ.ตากสิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทหารยังได้ยิงขู่ประชาชนที่ขับรถเข้ามาตามถนนสาทรมุ่งหน้าถนนพระราม 4

20.45 น. (เดลินิวส์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณแยกหมอเหล็ง ย่านราชปรารภ มีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามยั่วยุทหารด้วยคำพูดและขวางปาสิ่งของ ทำให้ทหารยิงปืนขึ้นฟ้าตอบโต้ และระหว่างนั้นมีกระสุนปืนปริศนาถูกลำคอของผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้ล้มลงกองกับพื้น ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงได้ถอยออกไปจากจุดดังกล่าว เมื่อทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวสวมกางเกงขายาว เสื้อโปโลสีแดง ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแต่ได้หามใส่เปลมารอรถนำส่งไปที่รพ.พญาไท 1

ต่อมา พบคนเจ็บอีก 1 ราย บริเวณแยกจตุรทิศ ซึ่งเกิดเหตุเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง กับเจ้าหน้าที่ทหาร พบเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างท้วม ที่พยายามขี่ จยย.เข้ามาที่ด่านทหาร ต่อมา รถ จยย.ได้ล้มลงไประหว่างทหารยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม สิ้นเสียงปืน เจ้าหน้าที่ทหารได้นำร่างชายคนดังกล่าวที่ถูกยิงที่ศีรษะส่ง รพ.พญาไท 1 เช่นกัน

20.00น. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร(ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครสรุปผู้บาดเจ็บ 81 ราย เสียชีวิต 4 ราย รวมทั้งหมด 85 ราย

1 โรงพยาบาลตากสิน 2 ราย 
2 โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 10 ราย
3 โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 8* ราย
4 โรงพยาบาลเทพธารินทร์ 5 ราย
5 โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ 1 ราย
6 โรงพยาบาลเลิดสิน 3 ราย
7 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 4 ราย
8 โรงพยาบาลตำรวจ 18* ราย
9 โรงพยาบาลทหารผ่านศึก 4 ราย
10 โรงพยาบาลราชวิถี 21 ราย
11 โรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย

*เสียชีวิต 4 ราย

19.01 น. เนชั่นทันข่าวรายงานว่า นายแพทย์สุวินัย บุศราคัมวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า ได้มีการนำส่งผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ เข้ารักษาที่โรงพยาบาล 8 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ 1.นายอินแปลง เทศวงศ์ อายุ 34 ปี ถูกยิงที่หน้าอก 2. นายเสน่ห์ นิลเหลือง อายุ 48 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายเช่นกัน

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 6 รายนั้น ได้แก่ นายเกรียงศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 33 ปี ถูกยิงที่ปอดและที่หัวใจ ผ่าตัดแล้ว ขณะนี้รู้สึกตัวดี แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย 2.นายภานุทัศน์ อัศวศิริมั่นคง อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ปอดกระเทือนไปถึงไขสันหลัง ผ่าตัดช่วยเหลือแล้วเช่นกัน 3.นายธงชัย เหยียน ถูกยิงเข้าที่ก้นกระดูกเชิงกรานด้านหลัง ส่งต่อไปรักษาที่ รพ.วิภาวดีรามคำแหง 4.นายสุวิทย์ เลาหพันธ์ อายุ 29 ปี ไม่มีบาดแผล แต่ถูกรุมทำร้ายเข้ามาและได้ส่งต่อรักษาที่ รพ.วชิระ แล้ว 5.นายสมชาย สมบูรณ์ทรัพย์ ถูกยิงเข้าที่แก้ม บาดแผลไม่รุนแรงและผ่าตัดแล้ว และ 6.เมษ ยุวบุตร อายุ 32 ปี ถูกทำร้าย มีเลือดคั่งในสมอง และมีบาดแผลแตกที่คาง

ด้าน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ รพ.ตำรวจ มีการนำส่งผู้เสียชีวิต แล้ว 2 ราย ซึ่งนำส่งเมื่อเวลา 17.00-18.00 น. เป็นชายทั้ง 2 ราย ชื่อนายประจวบ จิราพันธุ์ ถูกยิงอกทะลุหลัง และ นายปิยะพงษ์ กิตติวงศ์ ถูกยิงปากทะลุกกหูขวา

สำหรับบรรยากาศที่ รพ.วชิระพยาบาล ล่าสุดเมื่อเวลา 19.38 น. มีการนำส่งผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะเข้ามาแล้ว โดยเป็นผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษา รพ.ตำรวจ และได้ประสานให้ส่งต่อมายัง รพ.วชิระ
 

 

16.45 น.(มติชน) กลุ่มคนเสื้อแดงได้เริ่มจุดไฟเผายางรถยนต์บนสะพานไทย-ญี่ปุ่น ข้ามแยกศาลาแดง หลังจากนั้นกองกำลังทหารจากฝั่งริมรั้วสวนลุมพินี ตรงข้ามอาคารอื้อจือเหลียง ได้ระดมใช้ปืนลูกซองยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุมฝั่งแยกศาลาแดง เพื่อกดดันให้มีการสลายการชุมนุม ขณะที่การ์ด นปช.กว่า 200 คน ซึ่งหลบอยู่หลังบังเกอร์ได้ใช้ยางรถยนต์ปิดทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมนุมบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ฝั่งลานพระรูปรัชกาลที่ 6 หลังจากทหารยิงกระสุนยางได้ประมาณ 15 นาที ปรากฏว่ามีเสียงระเบิดคล้ายเอ็ม 79 ดังขึ้น 3 ครั้ง จากนั้นมีเสียงปืนจากฝั่งทหารรัวเข้ามาอีกหลายนัด ขณะที่บริเวณเคาน์เตอร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ รปภ.และตำรวจ 20 นาย กำลังรักษาความปลอดภัยภายในอาคาร ต่างวิ่งหลบหนีกลับกระสุนหัวน็อตและลูกแก้วกันโกลาหล ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ต้องร้องขอให้ตำรวจทั้งหมดออกจากพื้นที่อาคาร เหตุการณ์จึงสงบ นั้นหน่วยกู้ชีพจากมูลนิธิร่วมกตัญญูได้นำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.จุฬาฯ 1 ราย เบื้องต้นเป็นชายถูกยิงด้วยกระสุนจริงเข้าที่เข่าขวา

 

15.30 น. (มติชน) บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่บริเวณหน้าสนามมวยลุมพินีประมาณ 500 คน ได้ปั่นป่วนโดยมีการปาระเบิดขวด ประทัด และยิงพลุใส่ทหาร พร้อมเดินหน้ามายังที่ตั้งของทหารบริเวณเชิงสะพานไทย-เบลเยียม ทำให้ทหารต้องยิงแก๊สน้ำตา และยิงปืนขับไล่เป็นจำนวนหลายนัด ดังต่อเนื่องประมาณ 10 นาที จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นออกไปและมีบางส่วนหลบเข้าไปอยู่ภายในสนามมวยลุมพินี ซึ่งทหารสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้จำนวน 21 คน พร้อมของกลางระเบิดขวด หนังสติ๊ก ท่อนเหล็ก หมวกกันน็อค วิทยุสื่อสาร เสื้อเกราะกันกระสุน และอื่นๆ จำนวนมาก จากนั้นทหารได้ตรึงกำลังเข้ายึดพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้ง บริเวณหน้าอาคารลุมพินีทาวเวอร์ ซึ่งสามารถจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมได้อีกจำนวน 8 ราย จึงควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมกั้นแนวรั้วลวดหนามบริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักหลังแนวทหารประมาณ 100 เมตร โดยมีการยิงหนังสติ๊กลูกแก้วใส่ทหาร และปาประทัดยักใส่ทหารเป็นระยะ ขณะที่บริเวณหน้า สน.ลุมพินี กลุ่มคนเสื้อแดงได้ถอยร่นออกไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าวทำให้นายสุบิน น้ำจันทร์ ช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชน ถูกยิงบริเวณขาขวา ได้รับบาดเจ็บ ขณะกำลังถ่ายภาพอยู่บริเวณถนนวิทยุ หน้า สน.ลุมพินี นำส่ง รพ.บำรุงราษรฎ์ ล่าสุด อาการปลอดภัยแล้ว และยังมีผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศถูกยิงเข้าที่ท้องอาการสาหัส นำส่ง รพ.จุฬาฯ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจำนวนกว่า 20 ราย นำส่ง รพ.กล้วยน้ำไท และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

15.00 น. (มติชน) ทหารพยายามเข้าผลักดันม็อบในบริเวณย่านบ่อนไก่ บนถนนพระราม 4 จนเกิดการปะทะกันขึ้น ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บนับ 10 คน ผู้เห็นเหตุการณ์ต่างรีบนำส่ง รพ.กล้วยน้ำไท รพ.เทพธารินทร์ และ รพ.ยาสูบ แต่ระหว่างนั้นนายอินแปลง เทศวงศ์ อายุ 33 ปี ชาวบ้านที่ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าอกด้านขวาเสียชีวิต ศพอยู่ที่ รพ.กล้วยน้ำไท 1
 

 

"โอ๊ค" ระบุสื่อโดนยิงเหตุเก็บภาพทหาร
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ว่าในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดเป็นผู้สื่อข่าวและช่างภาพ 3 ราย จากหนังสือพิมพ์มติชน 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากสถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี (Voice TV.) 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 และจากสำนักข่าวต่างประเทศ 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ส่วนที่เหลือกระจายรักษาตัวในโรงพยาบาล 11 แห่ง ทั้งนี้ ได้ประสานงานกับโรงพยาบาลทุกแห่งให้ดูแลผู้บาดเจ็บ รวมทั้งผู้สื่อข่าวทั้ง 3 คน อย่างเต็มที่แล้ว

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตในเว็บบล็อกส่วนตัว http://twitter.com/oak_ptt ว่า "คำว่าปรองดองของรัฐบาล ดูจะรุนแรงถึงขั้นใช้กระสุนจริง ยิงกราดแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ช่างภาพมติชน ช่างภาพของผม (วอยซ์ทีวี) ช่างภาพต่างชาติโดนยิง มีข้อสันนิษฐานว่าสื่อที่โดนทหารยิง เพราะสามารถเก็บภาพการลับซุ่มยิงของทหารได้ คงต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป ขอให้ช่างภาพทุกคนปลอดภัยนะครับ" และ "ทราบข่าวว่าอาร์ท น้องช่างภาพของผมปลอดภัย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากหมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ ขอบคุณมากครับที่ช่วยดูแล และขอให้หายเร็วๆ"

 

16.55 น.(มติชน) รถของวชิรพยาบาลได้วิ่งฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุมมาจากแยกประตูน้ำ เพื่อนำผู้ชุมนุมที่ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ส่งโรงพยาบาลตำรวจ แต่ติดจอโปรเจ็คเตอร์ที่แยกราชประสงค์ จึงต้องลำเลียงผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตใส่เปลนำส่งโรงพยาบาลแทน ทั้งนี้นายณัฐวุฒิแจ้งว่า ผู้เสียชีวิตถูกยิงมาจากบริเวณสวนลุมพินี และต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงถึงนำร่างออกมาได้ ซึ่งนายณัฐวุฒิขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต การนี้มีผู้ชุมนุมบางส่วนร่ำไห้และบางรายก็แสดงความโกรธแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่มีการ์ด นปช.บาดเจ็บโดนกระสุนปืนซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมคาดว่าเป็นปืนเอชเค.เพราะสามารถทะลุเสื้อเกราะเข้าไปฝังอยู่บริเวณสะบักขวา

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net