Skip to main content
sharethis

อาจารย์ มธ.เข้ามอบตัว แจงไม่คิดหนี ยันการแสดงความเห็น-ให้ข้อแนะนำ ทำตามเจตนาทางวิชาการอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาละเมิดกฎหมาย ด้านทนาย นปช. จี้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ชี้ไม่สร้างความปรองดอง พร้อมซัด DSI ไร้มาตรฐานจับทุกคนที่เกี่ยวกับ นปช.พ่อครัว ก็ไม่เว้น

แนวหน้า รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (14 มิ.ย.53) นายวรพล พรหมิกบุตร อายุ 53 ปี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ 19/2553 ลงวันที่ 8 เม.ย.53 พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง ทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป.และพ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) 

นายวรพล กล่าวว่า หลังจากที่ถูกศาลออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ประสานผ่านทนายความติดต่อขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน บก.ป.มาก่อนหน้านี้กว่า 1 สัปดาห์แล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงนัดหมายในวันเดียวกันนี้และเป็นช่วงที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียนใหม่พอดี ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนยังอยู่ที่บ้านพักกับภรรยาก็รู้สึกดี และอุ่นใจที่ทางตำรวจไม่ได้ดำเนินการอะไรด้วยความรุนแรงหรือแข็งกระด้าง

นายวรพล กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น ขอชี้แจงในชั้นนี้ว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการตนทำไปตามเจตนาทางวิชาการอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาที่จะละเมิด กฎหมายดังกล่าว โดยส่วนตัวได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์ นำเสนอและคาดคะเนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนและระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ให้คำแนะนำทั้งกับประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม รวมทั้งรัฐบาลว่าไม่ควรใช้อำนาจเกินเลย เช่น กรณีเหตุการณ์ที่สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

“ผมได้วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นโดยสุจริตและได้รับการรับรองจากองค์กรหรือหน่วยงานของต่างประเทศหลายแห่ง ผมเคยพูดบนเวทีของกลุ่ม นปช.รวมทั้งเผยแพร่บทความผ่านทางเว็บไซด์มีการวิเคราะห์ว่า ปี 2553 จะเกิดอะไรขึ้น บทความเรื่องปลายทางความรุนแรงหายนะคนเสื้อแดง มีเนื้อหากล่าวเตือนเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง กระทั่งสถานการณ์การชุมนุมได้บานปลายไปไม่หยุด” นายวรพลกล่าว และว่าการถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ครั้งนี้ จึงต้องพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดกฎหมาย

ขณะที่ นายคารม กล่าวว่า ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ตนทราบว่า ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.จะยื่นหนังสือต่อศาลอาญา เพื่อขอถอนหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของบรรดาแกนนำ นปช.ประมาณ 10-13 ทั้งที่ถูกควบคุมตัวที่ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ที่ บก.ตชด.ภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากนั้นทางพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะขอควบคุมตัวต่อทันที ซึ่งถ้ารัฐบาลจริงใจที่จะดำเนินการตามแผนปรองดองก็ขอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะแกนนำที่ถูกออกหมายจับต่างแสดงความบริสุทธิ์ใจ และในฐานะที่เป็นทนายของคนเสื้อแดงไม่เห็นว่าแนวทางการปรองดองจะเดินไปได้

นายคารม กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลได้ตั้ง ศ.ดร.คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะกรรมการอิสระในการตรวจสอบสอบข้อเท็จจริงจากกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมืองนั้น ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความเป็นกลางการดำเนินการก็จะไม่น่าเชื่อถือ 

ส่วนกรณีของผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีก่อการร้าย หลายรายเห็นได้ว่าไม่น่าจะเข้าข่ายกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เช่น นายสมบัติ มากทอง ซึ่งอยู่ที่สนามหลวง เป็นคนทำกับข้าวเลี้ยงกลุ่มผู้ชุมนุม กรณีนี้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจะต้องรับผิดชอบและจะต้องถูกตรวจสอบสักวันหนึ่ง เพราะนายธาริต ก็เป็นหนึ่งในกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)

สำหรับแกนนำ นปช.รายอื่นๆ เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน รวมทั้งนายพายัพ ปั้นเกตุ นายคารม กล่าวว่า ทั้งหมดได้มีการติดต่อมาอยู่บ้าง ซึ่งเชื่อว่าอาจจะอยู่ด้วยกันทั้งหมดแต่ไม่ทราบว่าที่ไหน และยังรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงไม่คิดที่จะออกมามอบตัวในช่วงเวลานี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรพล เป็นแกนนำ นปช.ที่ถูก บก.ป.พิจารณาขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นชุดแรกรวม 17 ราย พร้อมกับแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ อายุ 62 ปี นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 59 ปี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 35 ปี นายขวัญชัย ไพรพนา อายุ 58 ปี นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 45 ปี ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดได้มอบตัวกับตำรวจไปแล้วก่อนหน้านี้

ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.แจ้งข้อกล่าวหาให้ นายวรพล ทราบและสอบปากคำเพื่อทำบันทึกเป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวไปควบคุมที่ บก.ตชด.ภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ต่อไป

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net