Skip to main content
sharethis
11 มิ.ย. 55 - สำนักข่าวไทยรายงานว่า พ.อ.นที ศุกลรัตน์  รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.)  เปิดเผยภายหลังการประชุม กสท. ว่า  ที่ประชุมมีมติให้เลขาธิการ กสทช.ใช้มาตรการทางปกครองด้วยการสั่งปรับบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด วันละ 20,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่  8  มิถุนายน  2555  เป็นต้นไป จนกว่าทรูวิชั่นส์ จะทำให้สมาชิกสามารถรับชมรายการผ่านระบบโทรทัศน์ภาคปกติ (ฟรีทีวี) โดยเฉพาะการรับชมรายการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 กสท.มุ่งหวังว่าผู้บริโภคคนไทยจะได้รับชมรายการเช่นเดียวกัน
 
พ.อ.นที กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.ไปกำหนดแนวทางการออกใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ในอนาคตว่า ต้องนำเอาพฤติกรรมที่ผ่านมาของผู้ขอรับใบอนุญาตมาพิจารณาประกอบการให้ใบอนุญาตด้วย โดยเฉพาะกรณีของทรู วิชั่นส์  และบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เพราะทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ และไม่สามารถรับชมรายการถ่ายทอดสดบอลยูโร 2012 ได้ 
 
“กรณีปัญหาระหว่างทรูวิชั่นส์ กับแกรมมี่ ถือเป็นพฤติกรรมที่ใช้ช่องทางของกฎหมายในการใช้ผู้บริโภคเป็นตัวประกัน  เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ  แม้เรื่องนี้จะเป็นการเจรจาระหว่างเอกชนกับเอกชน     แต่ไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้บริโภค กสท.จึงขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบการที่กระทำการใด ๆ ยุติการเอาเปรียบผู้บริโภคโดยทันที ขณะเดียวกัน กสท.จะนำปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาการออกใบอนุญาตในอนาคตด้วย”  พ.อ.นที  กล่าว
 
พ.อ.นที กล่าวอีกว่า สำหรับการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากกรณีไม่ได้รับชมรายการถ่ายทอดฟุตบอลยูโรนั้น  ทางคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ จะพิจารณาข้อเท็จจริงและความเสียหายที่เกิดขึ้น  ล่าสุดมีผู้ร้องเรียนเข้ามาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ราย  ส่วนกรณีผู้บริโภคอื่น ๆ ที่ไม่สามารถรับรายการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 ได้นั้น  ทาง กสทช. จะไม่สามารถเข้าไปดูแลได้  เพราะไม่มีอำนาจ  เนื่องจากผู้ให้บริการโทรทัศน์ดาวเทียมอื่น ๆ เช่น จานดาวเทียมพีเอสไอ  จานดำ ยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจาก กสทช.แต่อย่างใด ซึ่งกสทช.ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และสุดความสามารถในการดูแลทั้งข้อกฎหมายและเยียวยาผู้บริโภค ซึ่งกสทช.ได้แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบเพื่อดำเนินการต่อไป  โดยเฉพาะคู่กรณีทั้งทรูวิชั่นส์และ แกรมมี่ต้องเจรจาหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับชมรายการฟรีทีวีอย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ หลังจากที่ กสท. มีคำสั่งทางปกครองให้ทรูวิชั่นส์ ไปดำเนินการให้สมาชิกได้รับชมรายการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ทางทรู วิชั่นส์ได้ทำหนังสือแจ้งกลับมายังกสท.ทันที ว่า ขอให้ กสท. ทบทวนคำสั่งทางปกครองอีกครั้ง ซึ่ง กสท. ได้ยืนยันการพิจารณาออกคำสั่งดังกล่าว ได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ขอยืนยันมติเดิมคือสั่งปรับทรู วิชันส์วันละ 20,000 บาท
 
แกรมมี่ออกแถลงการณ์จี้"ทรูวิชั่นส์"ยอมรับคำตอบยูฟ่าสัปดาห์นี้
 
ด้านสยามธุรกิจรายงานว่าแกรมมี่ออกแถลงการณ์จี้ "ทรูวิชั่นส์" ยอมรับคำตอบยูฟ่าสัปดาห์นี้ โดยบมจ. จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GRAMMY) ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางทรูวิชั่นส์ ต้องยอมรับสถานการณ์"จอดำ"ไม่มีกำหนด จนกว่าจะได้คำตอบจากยูฟ่าในสัปดาห์นี้ และไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นเช่นใด จีเอ็มเอ็มแกรมมี่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทรูจะทำความเข้าใจกับสมาชิกอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเคารพในเรื่องการบริหารลิขสิทธิ์ด้วยข้อเท็จจริง
 
สืบเนื่องจากกรณีเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ในเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป(ยูโร 2012)ที่ยังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ และมีสัญญาณว่ากำลังจะถูกบิดเบือนจากประเด็นทางธุรกิจให้กลายป็นประเด็นทางสังคม จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในฐานะผู้ได้สิทธิ์เผยแพร่การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตระหนักถึงการทำธุรกิจบนพื้นฐานของคุณธรรมและความถูกต้อง ซึ่งเป็นแนวทางที่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ยึดถือและปฏิบัติมาตลอด 30 ปี จึงขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจในการบริหารสิทธิ์และการรับชมฟุตบอลยูโรอีกครั้ง
 
การได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2012 นั้น จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ได้ลิขสิทธิ์เผยแพร่ในทุกช่องทางการรับชม (All rights) ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินในการประมูลค่าลิขสิทธิ์จำนวนมหาศาล มีการประมูลแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศหลายราย เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการผลิตแล้ว เป็นตัวเลขสูงกว่า 400 ล้านบาท การบริหารลิขสิทธิ์ที่ได้มาครั้งนี้จึงอยู่บนความชอบธรรมที่จะดำเนินภายใต้วิธีการบริหารจัดการที่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริโภคที่พึงได้รับสิทธิในแต่ละช่อง
ทางการรับชม
 
เงื่อนไขสำคัญในก่อนการประมูลนั้น ผู้เข้าประมูลจะต้องระบุถึงช่องทางการรับชมเสนอต่อ ยูฟ่า ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์ อย่างชัดเจน เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการเผยแพร่การแข่งขันระดับโลกครั้งนี้สู่ผู้ชมอย่างกว้างขวางและเพียงพอต่อมาตรฐานที่ยูฟ่ากำหนด และต้องเผยแพร่การถ่ายทอดการแข่งขันครั้งนี้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆจะต้องขออนุญาตและได้รับความเห็นชอบจากยูฟ่าก่อนทุกกรณี หลักการนี้เป็นหลักการสากลที่ผู้เคยเจรจาซื้อลิขสิทธิ์กับยูฟ่าย่อมรู้ดี
 
ทรูวิชั่น คือพันธมิตรอันดับต้นๆ ที่ จีเอ็มเอ็มหารือความเป็นไปได้ทางธุรกิจในการร่วมบริหารสิทธิ์ช่องทางของทีวีดาวเทียม ตั้งแต่ปลายปี 2554 เพราะเล็งเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายของทรูวิชั่น กับจีเอ็มเอ็ม แซท นั้นเป็นคนละกลุ่ม จึงมีความเป็นไปได้ในแบ่งปันคอนเทนท์อย่างลงตัว จีเอ็มเอ็มแซท ได้เสนอแลกเปลี่ยนสิทธิ์ฟุตบอลยูโร โดยเฉพาะในระบ HD กับ คอนเทนท์อื่นๆที่ทรูวิชั่นถือสิทธิ์อยู่ โดยไม่มีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และทุกครั้งในการเจรจา จีเอ็มเอ็มได้แสดงนโยบายชัดเจนในการเข้ารหัสสัญญานผ่านดาวเทียมการถ่ายทอดฟุตบอลยูโรช่องฟรีทีวีที่มีการทวนสัญญาณ ทั้งซีแบนด์ และ เคยูแบนด์ กล่องหรือแพลทฟอร์มใดที่ไม่ได้รับสิทธิ์จะพบสถานการณ์ “จอดำ"ไม่สามารถรับชมได้แน่นอน จึงไม่มีเหตุผลใดที่ทรูวิชั่นจะปฏิเสธการรับรู้ หรือเข้าใจเองว่าสามารถรับชมได้
 
และด้วยนโยบาย exclusive (การทำธุรกิจแบบผูดขาดทางด้านรายการ)ของทรูวิชั่นส์ การเจรจาแต่ละครั้งจึงไม่บรรลุข้อตกลง แม้ว่าจะมีความพยายามจาก จีเอ็มเอ็มแซท ในการเสนอรูปแบบธุรกิจอื่นๆ อีกหลายครั้งก็ตาม จึงเป็นความชัดเจนและสรุปได้ในที่สุดจากระยะเวลาที่ผ่านมาว่า ทรูวิชั่นส์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามแนวทางใดที่จีเอ็มเอ็มแซทนำเสนออย่างแน่นอน
 
ในเวลาต่อมา จีเอ็มเอ็มแซท จึงเปิดเจรจากับพันธมิตรรายอื่น ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงตามเงื่อนไขธุรกิจที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ในการรับชมฟุตบอลยูโรทั้งช่องทางเคเบิลทีวีกับซีทีเอช และผู้ประกอบการเคเบิ้ลท้องถิ่นทั่วประเทศ รวมทั้งแพลทฟอร์ม ดีทีวี ที่ยินดีร่วมมือทางธุรกิจในการถ่ายทอดฟุตบอลยูโรในระบบเอชดี(HD) รวมทั้งคอนเทนท์กีฬาเอชดีอีก 3 ช่อง ในมูลค่าหลายสิบล้าน โดยร่วมมือผลิตกล่องรับสัญญาณระบบ เอชดี ภายใต้ชื่อ จีเอ็มเอ็มแซท บาย ดีทีวี (GMMZ by DTV) แต่มีเงื่อนไขการร่วมธุรกิจด้วยการขอความเชื่อมั่น สำหรับการรับชมของฟุตบอลยูโร ในรุ่นมาตรฐานจะดูได้เฉพาะ จีเอ็มเอ็มแซท และรุ่นเอชดี เฉพาะ จีเอ็มเอ็มแซท บายดีทีวีเท่านั้น
 
การร่วมธุรกิจของ ดีทีวี ซึ่งมีแพลทฟอร์มระบบเคยูแบนด์ เหมือนทรูวิชั่น และมีฐานสมาชิกกว่า 1.3 ล้านครัวเรือน ก็เข้าใจในหลักการ“จอดำ"การถ่ายทอด ฟุตบอลยูโร จากฟรีทีวี เพราะตระหนักดีในหลักการ rebroadcast ว่าเป็นคนละสิทธิ์กับฟรีทีวีภาคพื้นดิน ค่าสิทธิ์ที่ตกลงไว้สำหรับผู้ชมระบบเอชดีเท่านั้น ผู้ชมผ่านจานและกล่องดีทีวีรุ่นทั่วไป 1.3 ล้านครัวเรือน ก็ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดได้เช่นกัน
 
และแม้ว่าได้สิทธิ์ไปแล้ว ปรากฏการณ์“จอดำ"จากช่องฟรีทีวี ช่วงการถ่ายทอดสดบนแพลทฟอร์มพันธมิตรก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทั้ง จีเอ็มเอ็ม แซท และจีเอ็มเอ็ม แซท บาย ดีทีวี รวมถึงเคเบิลทีวี แพลทฟอร์มเหล่านี้ต้องหาช่องพิเศษรองรับการถ่ายทอดสัญญาณที่แยกออกมาจากสัญญาณช่องฟรีทีวี แม้ต้องมีค่าใช้จ่ายการเช่าช่องสัญญาณใหม่เพิ่มเติม แต่เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ เพราะเป็นความถูกต้องของกติกาการใช้ลิขสิทธิ์ที่ไม่สามารถทวนสัญญาณ หรือ rebroadcast ได้ซึ่งจะเห็นว่า ใครจะดูถ่ายทอดฟุตบอลยูโร ในกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต้องกดไปที่ช่อง 0 , DTV HD ดูที่ช่อง 1 เคเบิลทีวี ก็ต้องหาช่องพิเศษรองรับสัญญาณ เพราะภาพของช่องฟรีทีวี ช่อง 3 , 5 , 9 ที่มีการถ่ายทอดสดในทุกกล่อง จะพบ"จอดำ"โดยไม่มีข้อยกเว้น หรือเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
 
จากการปฏิเสธของทรูวิชั่นส์ด้วยการมิได้ตอบรับข้อเสนอของจีเอ็มเอ็มแซท แผนการตลาดของจีเอ็มเอ็มแซทจึงประกาศสู่สาธารณะอย่างชัดเจน ถึงช่องทางการรับชมฟุตบอลยูโร 2012 และระบุการรับชมผ่านทีวีดาวเทียมต้องผ่านกล่องรับสัญญาณของ จีเอ็มเอ็ม แซท และจีเอ็มเอ็ม แซท บาย ดีทีวีเท่านั้น สองสัปดาห์ก่อนการการแข่งขัน ทรูวิชั่นส์ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อเจรจาขอสิทธิ์เผยแพร่สำหรับสมาชิก แลกกับคอนเทนท์ตามเงื่อนไขที่เคยเจรจากันไว้
 
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน จีเอ็มเอ็มไม่อยู่ในสถานะที่สามารถตอบตกลงกับทรูได้ เพราะจีเอ็มเอ็ม ได้มีข้อตกลงกับ DTV ที่จะร่วมเป็นพันธมิตรและได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ อีกทั้งการเจรจากับยูฟ่าที่ต้องใช้เวลา สิ่งสำคัญที่สุดคือคำมั่นสัญญาที่ประกาศไปในตลาด ทั้งลูกค้า ดีลเลอร์ และสังคม ที่ได้ประกาศไปแล้วว่าสามารถดูได้ผ่านกล่องจีเอ็มเอ็มแซทแล้วเท่านั้น นี่ต่างหากที่จะทำให้จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ถูกตั้งคำถามว่าทำธุรกิจด้วยการหลอกลวงผู้บริโภคและพาร์ทเนอร์หรือไม่ 
 
จีเอ็มเอ็ม แซท เสนอทางออกให้ทรู ด้วยรูปแบบการให้เช่ากล่อง แม้จะรู้ว่าทรูทำใจรับยาก แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก จึงเป็นข้อเสนอเดียวที่จะทำให้จีเอ็มเอ็มแซทไม่ทำผิดสัญญากับพาร์ทเนอร์ และสามารถเดินธุรกิจกับทรูได้โดยไม่ต้องขอคำตอบจากยูฟ่า และสถานการณ์ก็บานปลายเมื่อทรูต้องตอบคำถามกับสมาชิก ที่ไม่สามารถรับชมฟุตบอลยูโรผ่านแพลทฟอร์มของ ทรูได้จริงๆ ตามข่าวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์สุดท้ายก่อนการแข่งขัน จนถึงขั้นมีแถลงการณ์ขออภัยผู้ชมและแสดงความผิดหวังต่อการจำกัดสิทธิ์ของจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ผ่านทุกช่องทางของทุกสื่อที่ทรูมี เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสังคมที่ทำให้จีเอ็มเอ็ม จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในปัญหา
 
ทั้งที่ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ ที่ 8 มิถุนายน มีการเจรจาของผู้บริหารระดับสูงสุดของทั้งสองฝ่าย เพื่อพยายามหาทางออกให้กับความขัดแย้งครั้งนี้ ซึ่งผู้บริหารของจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ก็ตอบรับในการที่จะพยายามเจรจากับยูฟ่าอีกครั้ง แม้ว่าจะสามารถปฏิเสธด้วยความชอบธรรมก็ตามที โดยไม่มีเรื่องเงินหรือการแลกเปลี่ยนใดๆเป็นเงื่อนไขในการเจรจา แต่พื่อเป็นการยืนยันในไมตรีที่มีให้ทรูในฐานะคู่ค้า ทั้งๆที่รู้ว่าจะมีกระแสสังคมกดดันกลับมาที่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่อย่างแน่นอน
 
จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ยืนยันจะใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด บนพื้นฐานที่ไม่กระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าของพันธมิตร คู่ค้า และผู้บริโภคกล่องจีเอ็มเอ็มแซท เพื่อลดความขัดแย้งครั้งนี้ โดยได้ส่งเรื่องให้ยูฟ่าแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน
 
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ทรูต้องยอมรับสถานการณ์"จอดำ"ไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทรูได้เลือกเองตั้งแต่ต้น จนกว่าจะได้คำตอบจากยูฟ่าในสัปดาห์นี้ และไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นเช่นใด จีเอ็มเอ็มแกรมมี่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทรูจะทำความเข้าใจกับสมาชิกอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเคารพในเรื่องการบริหารลิขสิทธิ์ด้วยข้อเท็จจริง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net