28 ม.ค. 2559 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเวลา 10.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต หัวหน้าพรรครักประเทศไทย จำเลยคดีรื้อบาร์เบียร์ เดินทางมาศาลพร้อมภรรยา นายเติมตระกูล บุตรชาย และผู้ติดตาม เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ว่า แม้นายชูวิทย์จะได้ยื่นคำให้การใหม่ จากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงอาญา แต่ศาลเห็นว่าการสารภาพของนายชูวิทย์ไม่เป็นเหตุให้บรรเทาโทษได้ เพราะการรับสารภาพควรจะกระทำตั้งแต่ศาลชั้นต้น อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบางส่วนจนเป็นที่พอใจและถอนฟ้องแล้ว นอกจากนี้ยังได้บริจาคที่ดินบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ให้เป็นประโยชน์สาธารณะ จึงมีเหตุบรรเทาโทษ พิพากษาแก้ให้จำคุกนายชูวิทย์ จำเลยที่ 129 เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากเดิมที่ศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 5 ปี
       
ส่วน พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (บก.สส.) จำเลยที่ 128 และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป อดีตนายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จำเลยในคดีรื้อบาร์เบียร์ ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ทั้งนี้ เสธ.แอ๊ปไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลจะออกหมายจับเพื่อนำตัวมารับโทษต่อไป 

สำหรับ คดีรื้อบาร์เบียร์นี้ Voice TV รายงานเพิ่มเติมว่า เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 13 ปี ที่แล้ว เวลา 04.00 น.ของวันที่  26 มกราคม  2546 โดยกลุ่มชายฉกรรจ์  400 คน บุกไปบริเวณบาร์เบียร์ ซอยสุขุมวิท 10  มีนายทุนว่าจ้างเพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์  กระทั่งมีการจับกุมผู้ต้องหา 131 คนส่งอัยการยื่นฟ้องเป็นจำเลยทั้งหมด เช่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์  , พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป  

ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2558 นายชูวิทย์ ได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะไม่กลับมาฟังคำพิพากษาศาลฏีกา อย่างไรก็ตามเขาเดินทางกลับมาในวันที่ 17 พ.ย.58 พร้อมโพสต์ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ  'ชูวิทย์ I'm No.5' ด้วยว่าจะไม่หลบหนีคดี

"ผมเข้าใจว่ามีหลายๆคนหลบหนีเงื้อมมือของกฎหมายออกนอกประเทศ แต่สำหรับผม ตลอดระยะเวลายาวนานของกระบวนการกฎหมาย ผมเดินทางไปขึ้นศาลด้วยตัวเองทุกครั้งไม่เคยขาด เพราะถึงแม้ว่าอิสรภาพสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่ถึงหนีไปได้ ก็หนีไม่พ้นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจอยู่ดี กฎหมายจึงเป็นกฎเกณฑ์ที่คนในสังคมยอมรับและต้องใช้ตั้งแต่เกิดยันตาย" นายชูวิทย์ กล่าวเมื่อครั้งเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา