Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis



รับลูกกันเป็นทอดๆ ประธาน กรธ.บอกว่าจะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกรณีคนบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญทางโซเชียลมีเดีย รัฐบาลก็ขานรับทันทีว่าจะหาทางดำเนินการให้

แล้วบุคคลสำคัญของ คสช.กับรัฐบาลก็ออกมาทั้งปรามทั้งขู่คนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเป็นระยะ ถึงขั้นอาจเรียกไปปรับทัศนคติรายวัน

ล่าสุดบอกว่าอาจเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ คสช.ยังให้คนออกมาบอกว่าคนที่บิดเบือนรายละเอียดร่างฯอาจถูกเรียกไปปรับทัศนคติ เรียกว่าขู่กันเต็มที่

มีคำถามว่าคำว่า "บิดเบือน" แปลว่าอะไร บิดเบือนของพวกนี้แปลว่า "เห็นต่าง" หรือเปล่า

ถ้าใครบอกว่าร่างนี้มีแค่ 50 มาตราจึงมีเนื้อหาน้อยไป หรือบอกว่าไม่ชอบเพราะกำหนดให้นายกฯมาจากการเลือกตั้ง อย่างนี้น่าจะเรียกได้ว่า “บิดเบือน”

แต่ถามหน่อยว่าความเห็นต่อไปนี้เรียกว่าบิดเบือนหรือไม่

(1). ร่างนี้ไม่ดีเพราะทำให้อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของปวงชนชาวไทย

(2).เปิดช่องให้นายกฯมาจากคนนอก

(3). สว.มาจากกลุ่มอาชีพไม่อาจถือว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย จึงไม่เป็นประชาธิปไตย

(4). องค์กรอิสระและโดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากเกินไป

(5). ระบบเลือกตั้งจะทำให้ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากและเป็นประโยชน์ต่อพรรคขนาดกลางให้โทษต่อพรรคเล็กๆ

(6). จะทำให้รัฐบาลอ่อนแอ ไม่มีนโยบายตอบสนองประชาชน

(7). จะเกิดการหักล้างการตัดสินของประชาชนโดยองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ เปิดช่องให้คนนอกเป็นนายกฯ

(8). ไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน

(9). ร่างนี้จะนำสังคมไทยสู่วิกฤตที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น

(10). ปิดทางแก้เหมือนร่างไว้ให้ฉีกเท่านั้น

10 ข้อที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ถือว่าบิดเบือนหรือไม่ ถ้าถือว่าบิดเบือน คนที่จะถูกเอาผิดหรือเรียกไปปรับทัศนคติคงมีมากจนนับไม่ถ้วน

ที่ยกมานั้นความจริงเป็นความเห็น ไม่ใช่เรื่องบิดเบือนหรือไม่บิดเบือน แต่ คสช.กับรัฐบาลกำลังบิดเบือนความหมายของคำว่า "บิดเบือน" เสียมากกว่า

อ้างคำว่า "บิดเบือน" เพื่อปิดปากคนที่เห็นต่าง เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลความเห็นจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ปิดหูปิดตาประชาชน

จนต้องกลับมาตั้งคำถามที่หลายคนเคยถามไปแล้วว่า แล้วจะมีประชามติไปให้สิ้นเปลืองทำไม ไม่ต้องทำประชามติ ทำเสร็จก็ประกาศใช้เลยไม่ดีกว่าหรือ

ฝ่ายที่คอยพูดสนับสนุน ร่างฯ ดูจะน้อยลงเรื่อยๆและไม่มีมุมจะอธิบาย จะชี้แจงอะไรก็ฟังไม่ค่อยขึ้น คนค้านก็ยิ่งมากขึ้นๆ ใกล้จะเข้าตาจนเต็มทีแล้ว

ก่อนนี้บอกว่าพวกที่ค้านไม่มีข้อมูลเพราะร่างยังไม่เสร็จ ต่อมาก็บอกว่ายังไม่ได้อ่าน หรือบอกว่าอยากฟังพวกมีเหตุผล แปลว่าที่ค้านนี่ไม่มีเหตุผล

นักวิชาการวิจารณ์ก็ถามว่าเป็นศาสตราจารย์มาได้ยังไง จนคนออกมาค้านกันเต็มบ้านเต็มเมือง จึงงัดเอาคำว่า "บิดเบือน" ขึ้นมา เรียกว่าอับจนปัญญาเต็มที

การทำให้ผ่านประชามติของ คสช. รัฐบาลและ กรธ.จึงมีเพียงการชี้แจงฝ่ายเดียวแบบไม่มีเหตุมีผล ลดความน่าเชื่อถือของผู้เห็นต่างและข่มขู่เพื่อปิดปาก

อย่างนี้แหละที่เรียกว่า "ประชาธิปไตยแบบไทยๆ" ไงครับ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net