ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยสถิติของผู้ต้องขังและผู้คุมเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีสถานที่ซึ่งหมอหยองตายครบรอบหนึ่งปี พบมี 47 คน ที่เคยถูกคุมขัง 2 คนในจำนวนนั้นตาย มีผู้ต้องขังร้องว่ามีการทรมาน โยนโจทย์ต่อสังคม "เราจำเป็นต้องจัดควบคุมพลเรือนในค่ายทหาร โดยเจ้าหน้าที่ทหาร 80 นาย ในนามของ"กระบวนการยุติธรรม"อยู่หรือไม่?
16 พ.ย. 2559 หลังจากคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารมีคำวินิจฉัย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับข้อมูลจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพระบุว่าตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 58 – 8 มี.ค. 59 เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีมี จำนวนผู้ต้องขังและเคยถูกคุมขังทั้งหมด 47 คน จำนวนพลเรือนที่เป็นผู้ต้องขังหรือเคยถูกคุมขัง 45 คน จำนวนเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้ต้องขังหรือเคยถูกคุมขัง 2 คน จำนวนผู้คุมของเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี 6 คน จำนวนเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้คุมพิเศษ 80 คน
ทั้งนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เขียนรายงานเปิดสถิติของผู้ต้องขังและผู้คุมเรือนจำชั่วคราวสถานที่ซึ่งหมอหยองตายครบรอบหนึ่งปี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เรือนจำพลเรือนในพื้นที่ทหาร
11 ก.ย. 2558 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 314/2558 เพื่อตั้งเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี(เรือนจำมทบ.11) ขึ้นภายในพื้นที่กองพันทหารราบ มณฑลทหาร บกที่ 11 ด้วยเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย ความเหมาะสมในการคุมขัง การปฏิบัติต่อการคุมขังในคดีความผิด เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐและคดีเกี่ยวเนื่อง ซึ่งเป็นผู้ต้องขังประเภทมีเหตุพิเศษซึ่งไม่ควรจะคุมขังรวมกับผู้ต้องขังอื่น โดยผู้ต้องขังชุดแรกที่ถูกควบคุมในเรือนจำแห่งนี้คือผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์
คดีราชประสงค์พบผู้ต้องขังร้องเรียนว่ามีการทรมาน ล่ามถูกดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดในครอบครอง
14 ก.ย.58 อาเด็ม คาราดัก และไมไรลี ยูซูฟู นับเป็น “พลเรือน” ชุดแรกที่อยู่ในความควบคุมของ “เจ้า หน้าที่ทหาร” ภายใน “ค่ายทหาร” ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากเดิมที่เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจใน การควบคุมตัวบุคคลตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/58 เพียงเจ็ดวัน การตั้งเรือนจำดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนส่วนต่อขยาย ระยะเวลาในการควบคุมตัวบุคคลภายใต้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารได้นานมายิ่งขึ้นโดยอาศัยร่มใบของกระบวนการ ยุติธรรม
ภายใต้การควบคุมตัวดังกล่าวทนายความได้มีปัญหาในการเข้าถึงตัวผู้ต้องหาในช่วงแรกเนื่องจากการเข้า เยี่ยมในเรือนจำดังกล่าวจะต้องเป็นทนายความที่ได้รับการแต่งทนายความแล้วเท่านั้น ในขณะที่การแต่งทนายความนั้น ทนายความจำเป็นต้องให้ลูกความลงชื่อในใบแต่งทนายความก่อนและเมื่อเข้าเยี่ยมลูกความทนายความก็ไม่สามารถ พบลูกความได้เป็นการส่วนตัว ต่อมา 16 ก.พ.59 ทนายความได้ให้สัมภาษณ์ในวันนัดพิจารณาคดีดังกล่าวว่านา ยอาเด็มถูกทรมานในระหว่างการสอบสวน ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุลได้ปฏิเสธว่าไม่มีการทรมานเกิด ขึ้นระหว่างการสอบสวนคดีดังกล่าวและแจ้งต่อสื่อมวลชลว่าอาจมีการดำเนินคดีต่อทนายความซึ่งให้สัมภาษณ์ว่ามีการ ทรมาน นอกจากนี้ล่ามในคดีดังกล่าวยังถูกจับกุมในวั 1 มิ.ย. 59 ข้อหามียาเสพติดในครอบครองภายหลังจากการไปทำ หน้าที่ล่ามในศาลทหารของช่วงเช้าวันดังกล่าว ทำให้จนถึงปัจจุบันจำเลยถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำในค่ายทหารมา แล้วกว่า 14 เดือน แต่คดียังสืบพยานโจทก์ปากแรกไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากยังไม่สามารถหาล่ามได้
ครบหนึ่งปีการตายของหมอหยองและพ.ต.ต.ปรากรมความยุติธรรมที่เงียบงัน
วันที่ 23 ต.ค. 2558 พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ได้เสียชีวิตภายในเรือนจำโดยแถลงการณ์กรม ราชทัณฑ์ระบุเหตุจากการผูกคอตนเอง โดยสภาพห้องขังเป็นกำแพงปิดทึบทั้งสี่ด้านไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ หากไม่เปิดประตู พร้อมทั้งระบุว่าจะมีการส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติเวชและตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีดังกล่าว ต่อมา 9 พ.ย. 58 แถลงการณ์กรมราชทัณฑ์ได้ออกมาระบุว่า สุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหย่อง เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2558 ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นการ ตายระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องมีการชันสูตรพลิกศพและไต่สวนการตายตามมาตรา150 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อย่างไรก็ตามศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจากทางภาครัฐด้านเดียว บุคคลอื่นไม่สามารถเข้าร่วมตรวจสอบความโปร่งใสได้ และญาติของผู้ตามทั้งสองรายไม่ได้เข้าร่วมกระบวนการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย รวมถึงไม่มีพิธีศพตามศาสนาซึ่งผิดปกติวิสัยของสังคมเป็น อย่างมาก ทำให้จนถึงปัจจุบันซึ่งครบรอบการตายหนึ่งปีของบุคคลทั้งสองแล้วแต่สาเหตุการตายของบุคคลทั้งสองภาย ใต้ความควบคุมของเจ้าหน้าที่ยังคงเป็นที่เคลือบแคลงของสังคม
ศาลปกครองรับฟ้องเพิกถอนเรือนจำหลังยื่นฟ้อง 11 เดือน : ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม
9 ธ.ค. 58 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ยื่นฟ้องรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ขอให้เพิกถอนคำสั่ง กระทรวงยุติธรรมที่ 314/2558 เรื่อง กำหนดอาณาเขตเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ซึ่งเป็นคำสั่งตั้งเรือนจำ ชั่วคราวขึ้นในพื้นที่ทหาร เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งจัดตั้งเรือนจำนั้นมีเนื้อหาที่มีความหมายไม่แน่นอนที่บุคคลทั่วไปจะ เข้าใจอันขัดต่อพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง การจัดตั้งเรือนจำจากเหตุผลทางการเมืองเป็นคำสั่งที่ ออกโดยไม่สุจริต ขัดต่อหลักความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญ และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมใช้ดุลพินิจไม่สอดคล้องกับ ความพอสมควรแก่เหตุ โดยหวังว่าศาลปกครองจะเข้ามามีส่วนตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้ในทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองเพิ่งมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 59 โดยขั้นตอนต่อไปศาลจะดำเนินการส่งคำฟ้องให้ผู้ถูก ฟ้องคดีทำคำให้การ กระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่เพิ่งเริ่มต้นหลังการรับฟ้อง ศาลปกครองใช้ เวลา 11 เดือนในการมีคำสั่งรับฟ้องหลังจากยื่นคำฟ้องดังกล่าว นับเป็นความล่าช้าในการตรวจสอบการกระทำหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่รัฐอีกทางหนึ่ง
กว่าจะได้มา…สถิติของผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี
สถิติผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี
ข้อสังเกตศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนต่อสถิติผู้ต้องขังและผู้คุม