Skip to main content
sharethis

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดงานสัมมนา 'วิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย' ประกาศ 5 ปีข้างหน้าภาครัฐไทยจะยกระดับสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ที่มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ทำงานแบบอัจฉริยะ ให้บริการยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง 

8 มี.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้เมื่อเวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “วิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย : Thailand Digital Government Vision 2017 – 2021” จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ เพื่อให้ข้าราชการทุกภาคส่วนรับทราบการประกาศแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย ตลอดจนเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเพื่อเน้นย้ำยุทธศาสตร์ชาติด้านดิจิทัล สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับศักยภาพของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ และให้ความมั่นใจแก่ภาคประชาสังคมเห็นถึงการให้ความสำคัญของการทำงานอย่างโปร่งใสและต่อต้านการทุจริต โดยมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ผู้บริหาร ข้าราชการและบุคลากรภาครัฐด้านดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ประมาณ 500 คน

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “รัฐบาลดิจิทัล กุญแจสู่ประเทศไทย 4.0 : Digital Government the Key success to Thailand 4.0” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันที่ทุกคนจะได้ร่วมกันทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ที่รัฐบาลกำหนด และให้สอดคล้องและทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยหากทุกคนร่วมมือกันเร่งรัดดำเนินการด้วยแผนงานที่รัดกุมครอบคลุมเป็นไปตามเป้าหมายและสิ่งที่ประชาชนต้องการก็จะทำให้การดำเนินการรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันเทคโนโลยีดิทัลเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนสังคม โดยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร การท่องเที่ยว การศึกษา การแพทย์ การลงทุน การป้องกันและแก้ปัญหาภัยพิบัติ การดำเนินชีวิตของคนในสังคม รวมถึงการบริหารจัดการภาครัฐ ทั้งในมิติการให้บริการประชาชน มิติการบริหารจัดการภาครัฐ และมิติ  การกำหนดนโยบาย ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจึงต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐ การพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชน และการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อสร้างมิติใหม่ในการบริหารจัดการภาครัฐไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

"ประชาชนทุกคนต้องเข้าใจว่าการจะแก้ไขอะไรก็ตามให้เกิดความยั่งยืนนั้นมันจะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง ในการเตรียมการ ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ 57 - 59 เราก็พยายามจะเก็บปัญหาทุกปัญหาออกมา จัดกลุ่มของปัญหา จัดวิธีการแก้ปัญหา กำหนดกลุ่มเป้าหมาย หาวิธีการดำเนินการ วางโรดแมปในการทำงานของทุกด้านออกมา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ต้องใช้เวลาอีก 5 ปี กว่าจะนำไปสู่ความสมบูรณ์ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น นะครับถ้าเราสามารถดำเนินารได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและยกระดับการทำงานของภาครัฐ จึงได้ประกาศวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ว่า “ในอีก 5 ปีข้างหน้า ภาครัฐไทยจะยกระดับสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน มีการทำงานแบบอัจฉริยะ ให้บริการโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง”  โดยอยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลและการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง หน่วยงาน (Government Integration) การนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ดิจิทัลมาสนับสนุน การปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม (Smart Operations) ประหยัด และคุ้มค่า การยกระดับงานบริการภาครัฐให้ตรงกับความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (Citizen-centric Services) และการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่รัฐบาลดิจิทัลในทุกระดับของบุคลากรภาครัฐ ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงองค์กรในด้านขั้นตอนการทำงาน เทคโนโลยี และกฎระเบียบ (Driven Transformation) และยืนยันการดำเนินการดังกล่าวว่า จะไม่ทิ้งประชาชนกลุ่มใดไว้ข้างหลัง โดยจะดำเนินการการบูรณาการความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนในสังคม โดยเฉพาะการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลักในการที่จะร่วมมือกันดำเนินการเพื่อก้าวไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทุกคนต้องมีการพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานด้วยการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ดิจิทัลที่เข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติงานที่เหมาะสม ประหยัดและคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ซึ่งในส่วนของรัฐบาลจะทำหน้าที่ในการติดตามกำกับดูแลให้การสนับสนุนการทำงานของส่วนราชการหรือองค์กรมหาชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการให้เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ในการเดินหน้าประเทศ ซึ่งการดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ในยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งจะต้องพัฒนาไปสู่ความทันสมัย

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในเรื่องนี้จะทำอย่างไรให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในการประสานงานหรือประชุมร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่รัฐบาลดิจิทัล โดยการบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ทั้งการบูรณาการเจ้าหน้าที่ ซึ่งวันนี้มีความคืบหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ภายใต้การดำเนินการของ Thailand Digital Government Academy หรือ TGDA ซึ่งเป็นสถาบันเพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ในการร่วมมือกันพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรภาครัฐให้เท่าทันเทคโนโลยีพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล ตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2560 – 2564 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0 ตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้  รวมไปถึงการบูรณาการแผนงาน/โครงการ และงบประมาณ ตามยุทธศาสตร์ของแต่ละกระทรวงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อนำไปสู่วิสัยทัศน์ประเทศ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนต้องสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของรัฐอันจะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งในสังคมเพื่อขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าต่อไปได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บุคลากรภาครัฐทุกระดับจะต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยต้องพัฒนาตัวเองให้เท่าทันกับความก้าวหน้าของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งมีการพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่างๆ ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันขอให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการขอความร่วมมือที่จะจัดห้องเทคโนโลยีดิจิทัลหรือคอมพิวเตอร์ตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ สำหรับเด็ก เยาวชน และประชาชนสามารถนำความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่นได้  ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้า การพัฒนาสู่ประเทศไทย 4.0 จึงต้องเริ่มจากการปรับวิธีคิดของการทำงานให้แตกต่างไปจาก  รูปแบบเดิม โดยใช้วิทยาศาสตร์และการวิจัยมาเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและพัฒนา ทั้งภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาคการบริหาร ภาคการศึกษา ภาคการแพทย์และสาธารณสุข และอื่น ๆ เพื่อจะได้เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันไปสู่ประเทศไทย 4.0 ที่มีประสิทธิภาพต่อไป

สำหรับการปฏิรูประบบบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐให้มีประสิทธิภาพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสรรหาคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถและสมรรถนะสูงเข้ามาสู่ระบบราชการ ให้ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เหมาะสมกับลักษณะของงานและความเชี่ยวชาญ และที่สำคัญคือการพัฒนาบุคลากรภาครัฐในทุกระดับให้ได้รับความรู้ความสามารถและความเข้าใจให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้การให้บริการสาธารณะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับรูปแบบและวิธีการดำเนินการของภาครัฐในลักษณะของประชารัฐจะเป็นการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายเกิดความร่วมมือกันทำงาน ได้ดีและครอบคลุมทั้งกระบวนการ พร้อมทั้งการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการภายในองค์กร ด้วยการวางระบบสารสนเทศ การจัดการแบบออนไลน์ในการประเมินความก้าวหน้า การเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้สะดวกขึ้น เช่น Agri-Map เป็นแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก เป็นต้น รวมทั้งรูปแบบการให้บริการของรัฐควรให้บริการในลักษณะของระบบดิจิทัล เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานและเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตและความต้องการของผู้รับบริการ โดยใช้งานเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แทนกระดาษ การอำนวยความสะดวกแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานของรัฐได้อย่างเป็นธรรม และให้ประชาชนและภาคธุรกิจได้รับบริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ได้รับความสะดวก และตรงตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง รัฐบาลจึงต้องทุ่มเทและมุ่งมั่นพัฒนาทั้งในส่วนทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น ตลอดทั้งมีความโปร่งใสในการบริการอย่างจริงจัง 

 

ที่มา : เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net