จตุพร พรหมพันธุ์ช่วยพรรคเพื่อชาติปราศรัย ย้ำ 24 มี.ค. ต้องเลือกพรรคหนุนประชาธิปไตย เลือกให้ถึง 376 ที่นั่งเพื่อส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและทีมงานกลับบ้านให้ได้ ส่วนเสียงหนุนพรรคเพื่อชาติต้องได้ไม่ให้น้อยกว่าเสียงหนุนพรรคสุเทพ ทั้งนี้เป็นการปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ กทม. ท่ามกลางรอยร้าวในพรรค หลัง พ.ต.ท.สมชาย ลาออกจากรองหัวหน้าพรรค ไม่พอใจเรื่องวางตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อและแนวทางพรรค

เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (3 มี.ค.) ที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อชาติจัดปราศรัยใหญ่ใน กทม. ภายใต้หัวข้อ “ฟื้นประเทศไทย สร้างประชาธิปไตย ก้าวไปด้วยกัน” มีแกนนำพรรคอาทิสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค, ลลิตา ฤกษ์สำราญ, วิโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรค, เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรค, อารี ไกรนรา ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมีธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษก นปช., ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติพร้อมผู้สมัคร กทม. ทั้ง 30 เขต โดยมีผู้ฟังปราศรัยประมาณ 3 พันคน โดยนอกจากผู้สนับสนุนในกรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติจาก จ.นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เดินทางมาฟังปราศรัยด้วย

เวลา 17.50 น. สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยโดยถามผู้สนับสนุนว่าถามจริงๆ เถิด เวลาผ่านมา 5 ปี ท่านสบายดีไหม รวยขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่พวกเราต้องพร้อมใจกันอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราต้องออกไปเลือกพรรคเพื่อชาติให้มากที่สุด ทั้งนี้เขากล่าวว่าพรรคมีนโยบายสำคัญหลายข้อทั้ง 1. เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ 2,000 บาทตลอดชีพ 2. โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จะทำต่อ แต่จะเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ระดับโรงพยาบาลตำบล 3. นโยบายสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีนักเรียนแพทย์ตำบลละ 1 คน เพื่อให้กลับมาช่วยบ้านเกิด ซึ่งถูกกว่าการซื้อเรือดำน้ำ 4. นโยบายโฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน ไม่มี สปก. นส.2 นส.3

5. เลิกการผูกขาดตัดตอน และยกเลิกสัมปทานที่กีดขวางการพัฒนาโอกาสของคนยากจน เน้นลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และลดการผูกขาดทางการค้า 

6.นโยบายปลอดภาษีเครื่องจักรยนต์ เพื่อเกษตรกร และชาวประมง 7.นโยบายวางผังเมืองให้เป็นกรีนแอนด์คลีนซิตี้ 8.นโยบายทลายกำแพงใจ และ 9.นโยบายเรื่องพืชผลทางการเกษตร โดยกำหนดราคาให้เหมาะกับภาวะทางการตลาด ยางพารามากกว่า 80 บาท ต่อกิโลกรัม ข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท ข้าวทั่วไปเกวียนละ 15,000 บาท ปาล์มน้ำมัน 6 บาทต่อกิโลกรัม อ้อยตันละ 900 บาท และ มันสำปะหลัง 3 บาทต่อกิโลกรัม

เวลาประมาณ 18.40 น. ด้านจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติปราศรัยปิดเวทีย้ำต้องเลือกพรรคหนุนประชาธิปไตย เลือกให้ถึง 376 ที่นั่งเพื่อส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. กลับบ้าน  ขณะเดียวกันเสียงที่ได้ของพรรคเพื่อชาติต้องไม่ให้น้อยกว่าเสียงสนับสนุนพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. เป็นผู้สนับสนุนด้วย พร้อมกล่าวขอบคุณที่สุเทพปราศรัยปลุกมวลชน กปปส. ซึ่งเท่ากับช่วยปลุกมวลชน นปช. ไปในตัว

ทั้งนี้กิจกรรมดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณ 19.30 น. จึงสิ้นสุดการปราศรัย

อนึ่งการปราศรัยของพรรคเพื่อชาติ เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งภายในพรรค หลัง พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคลำดับที่ 45 รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ยื่นใบลาออกลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยขอลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค

โดยระบุเหตุผลว่าเนื่องจากอุดมการณ์ แนวคิด และวิธีการบริหารพรรคการเมืองที่แตกต่างกัน อีกทั้งกิจกรรมของพรรคมีความสุ่มเสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง รวมทั้งระเบียบเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งยังไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาเสนอชื่อบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ที่เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้มีข่าวว่ายงยุทธ ติยะไพรัช ขัดแย้งกับจตุพรด้วย จนถึงขั้นไม่ร่วมเวทีหาเสียงเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังปรากฏว่ายงยุทธ ยังคงร่วมเวทีปราศรัยกับจตุพร ที่หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครดังกล่าว

อนึ่งรายงานใน INN ระบุว่าก่อนขึ้นปราศรัย จตุพร ได้ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ท.สมชาย ลาออกว่า ทุกคนต้องเคารพการตัดสินใจของ พ.ต.ท. ที่เหลือต่อจากนี้ ต้องยืนขึ้นให้ได้เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าในระยะเวลาที่เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น

ส่วนกรณีการปล่อยข่าวลือการซื้อขายลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อชาตินั้น ทุกๆ พรรคย่อมมีความไม่พอใจในเรื่องบัญชีรายชื่อ ก็ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งพรรคไม่มีงบประมาณอย่างที่คนเข้าใจ จะให้ผู้สมัครมากที่สุด 1 แสนบาท รองลงมา 7 หมื่น และ 5 หมื่นบาท ดังนั้นต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเกิดตรวจพบ ตัวเขาเองจะเดินถอยหลังออกทันที ไม่มีวันไปผสมผสานเป็นอันขาด