FTA Watch ใช้กฎหมายข้อมูลข่าวสารขอรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ทุกหน่วยราชการชี้ข้อห่วงกังวลเข้าความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP แต่ไม่มีการรายงานเข้า ครม.
8 พ.ค.2563 เฟสบุ๊คแฟนเพจ 'FTA Watch' รายงานว่าวันนี้ (8 พ.ค.63) เวลา 9.30 น. กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ได้ไปยื่นหนังสือที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อขอข้อมูลรายงานการประชุมอย่างละเอียด และเทปบันทึกเสียงการประชุม พร้อมเอกสารประกอบการประชุมทั้งหมด ในคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่หน่วยราชการต่างๆได้มารายงานถึงข้อห่วงกังวลต่อการเข้าความตกลง CPTPP
หนังสือดังกล่าวส่งถึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ในประธาน กนศ. และสำเนาเรียนปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ระบุว่า ด้วยกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์ - FTA Watch) ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาสังคม ที่ได้ติดตามการเจรจาการค้าระหว่างประเทศต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่าหนึ่งทศวรรษ รวมถึงในแง่มุมที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และระบบสุขภาพ รวมถึงผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม เพื่อศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA: Free Trade Agreement) ระหว่างประเทศไทยและประเทศ/กลุ่มประเทศต่างๆและข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณชน
“ทางกลุ่มฯ มีความประสงค์ขอข้อมูลรายงานการประชุมอย่างละเอียด และเทปบันทึกเสียงการประชุม พร้อมเอกสารประกอบการประชุมทั้งหมด ของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 เนื่องจากการประชุมในวันดังกล่าวมีการพิจารณาข้อห่วงกังวลของหน่วยงานต่างๆเกี่ยวกับการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Tran-Pacific Partnership: CPTPP) ที่มีเนื้อหาของข้อตกลงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากและกว้างขวางต่อการเข้าถึงยาของประชาชน ระบบสาธารณสุข เกษตรกร การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การจำกัดพื้นที่นโยบายสาธารณะของรัฐ เป็นต้น ดังนั้นรัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลว่า แต่ละหน่วยราชการมีข้อห่วงกังวล จุดยืนและท่าทีในเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้ เป็นการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540”
กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มเอฟทีเอ ว็อทช์ กล่าวว่า ในการประชุม กนศ. วันดังกล่าว ทุกหน่วยราชการมารายงานข้อกังวล แต่มีรายงานข้อกังวลเหล่านั้น ไม่ได้สะท้อนอยู่ในเอกสารประกอบรายงานการประชุมที่มีไปถึงคณะรัฐมนตรี ก่อนที่วาระดังกล่าวจะถูกถอดออกไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา อาทิ ข้อห่วงกังวลของกรมวิชาการเกษตรเรื่องเมล็ดพันธุ์ที่จะมีราคาแพงขึ้น หลังการผูกขาดตาม UPOV1991 ผลกระทบจากการเปิดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ทั้งต่อผู้ประกอบการไทย และเจ้าหน้าทีที่รับผิดชอบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น พวกเราจึงต้องขอใช้สิทธิตามกฎหมายขอเอกสารรายงานทั้งหมด หวังว่า ทางรองนายกฯสมคิด และทางสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าจะเร่งดำเนินงาน
