Skip to main content
sharethis

หัวหน้าพรรคก้าวไกลแนะ ดูแลการแพร่เชื้อโควิด-19 ให้สมดุลกับภาคเศรษฐกิจ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสนำแรงงานข้ามชาติเข้าระบบ มีนโยบายที่เอื้อต่อการเข้ามาอย่างถูกต้อง ตรวจเชื้อ กักตัวและติดตามตัวได้ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมกับนายจ้าง ด้านศรีสุวรรณ จรรยา เตรียมยื่นข้อเสนอให้กระทรวงแรงงานให้ปรับปรุงกฎหมายและวางระบบการตรวจสอบนายจ้างและแรงงานข้ามชาติที่เป็นสากล

ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ โควิด-19 ที่ระบาดขึ้นเป็นระลอก 2 โดยระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงทำให้หลายคนวิตกว่าจะย้อนกลับไปเหมือนต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่ ไม่ว่าการต้องอยู่ภายใต้พื้นที่จำกัด เกิดการกักตุนและขึ้นราคาหน้ากากอนามัย กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก บ้านเมืองเงียบเหงามาแทนการฉลองเทศกาลปีใหม่กับครอบครัว ซึ่งดูจะเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่สำหรับปีหน้า

“อยากขอส่งกำลังใจไปถึงทุกคนด้วยความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์ระลอกนี้ก็จะผ่านพ้นไปได้ หากเราเผชิญหน้ากับมันอย่างเข้มแข็ง ด้วยสติ และด้วยการถอดบทเรียนจากการอยู่ร่วมกับโควิดตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด สับสน และไม่ชัดเจนของรัฐบาล จนนำไปสู่ความกลัว แน่นอนว่า โควิด-19 ไม่ใช่เชื้อกระจอกหรือไวรัสธรรมดาดังที่รัฐมนตรีบางท่านพูด แต่ไม่ได้หมายความว่าการกลับมาเจอตัวเลขผู้ติดเชื้อจะหมายถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายเสมอไป”

พิธา ยังมองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ควรดูแลการแพร่กระจายเชื้อควบคู่กับการประคับประคองเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องวางเป้าหมายมีผู้ติดเชื้อเป็น 0 ไปตลอด แต่ต้องมีเป้าหมายที่สามารถการรุกตรวจได้เร็วขึ้น พบผู้ติดเชื้อได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการได้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อมองศักยภาพต่าง ในระดับชุมชนยังมี อสม.ช่วยคัดกรอง ส่วนระบบสาธารณสุขในเวลานี้เชื่อมั่นว่ามีความเข้มแข็งและมีศักยภาพเพียงพอในการรุกตรวจและคัดกรองได้อย่างรวดเร็ว จึงอยากให้สบายใจมากขึ้นว่า แม้จะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น หรือตัวเลขไม่เป็น 0 แต่จะยังสามารถรับมือได้ไปพร้อมๆ กับการดูแลความสมดุลของภาคเศรษฐกิจ

“จากข้อมูลเมื่อต้นปี เรามีแพทย์และพยาบาลรวมกันเกือบ 190,000 คน จำนวนเตียงรองรับทั้งประเทศ 7,000 กว่าเตียง และเรายังไม่มีเงินกู้จาก พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนแผนงานด้านสาธารณสุขที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายแม้แต่บาทเดียวในตอนนั้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป เรามีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือสถานการณ์ได้ แต่อาจต้องให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษในบางพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก เช่นในจังหวัดสมุทรสาคร”

พิธาย้ำว่า มาตราการดูแลโควิดที่ผ่านมาได้ทำให้เกิดพิษเศรษฐกิจที่ได้ทำร้ายหลายล้านคนตั้งแต่เมื่อต้นปี หลายครอบครัวยังไม่สามารถกลับมาฟิ้นคืนสู่สภาพเดิมได้ รัฐบาลจึงต้องระวังอย่างยิ่ง และต้องตระหนักว่าพิษเศรษฐกิจที่เกิดจากการล็อกดาวน์ ถ้าหนักหนาและเข้มงวดเกินไป จะเป็นภัยร้ายแรงกว่าโควิด-19

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ควรต้องสื่อสารให้สังคมไทยเปลี่ยนมุมมองต่อแรงงานข้ามชาติ โดยมองว่าเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจที่ขาดไม่ได้อีกแล้ว แต่นโยบายรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา กลับไม่มีการปรับตัวอะไร ทั้งยังทำให้การนำเข้าแรงงานข้ามชาติอย่างถูกต้องและควบคุมได้มีต้นทุนที่สูงไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ผลักให้ต้องไปนำเข้าแรงงานข้ามชาติด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย ยังไม่นับรวมขบวนการหาประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสครั้งนี้ จึงควรใช้เป็นโอกาสในการปฏิรูปการจัดการแรงงานข้ามชาติใหม่ มีนโยบายที่เอื้อต่อการเข้ามาอย่างถูกต้อง ตรวจเชื้อ กักตัวและติดตามตัวได้ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมกับนายจ้าง ต้องทำให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ผิดกฎหมายเข้ามาอยู่ในระบบและเสียภาษีอย่างถูกต้อง

พิธากล่าวอีกว่า อีกเรื่องสำคัญที่รัฐบาลไทยไม่ควรละเลยคือ ‘ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์’ ของกลุ่มแรงงานข้ามชาติหลายล้านคนโดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานมายาวนาน ต้องอยู่ในที่แออัดและเข้าไม่ถึงระบบสุขภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการระบาดของไวรัสในครั้งนี้ ซึ่งในเรื่องนี้แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ที่นั่งใน ศบค.ก็เคยเตือนไว้ รวมถึงพรรคก้าวไกลก็เคยแสดงความกังวลเรื่องนี้มาตลอด เพราะข้อมูลจากการลงพื้นที่ทำให้รู้ว่า การติดเชื้อเพียงเคสเดียวในสถานที่แบบนี้ก็สามารถลุกลามได้กว้าง ดังที่มีบทเรียนให้เห็นจากเวียดนามและสิงคโปร์ โดยพรรคก้าวไกลได้เตือนเรื่องนี้พร้อมข้อเสนอมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 เดือน แต่ปรากฏว่าการขยับเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพเสี่ยงนี้จากภาครัฐกลับยังไม่มีการขยับมากเท่าที่ควร

“เรื่องสุดท้ายที่หลายคนเป็นกังวลกันคือมาตรการล็อคดาวน์ ว่าจะเกิดการล็อคดาวน์ขึ้นทั่วประเทศหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่ารัฐบาลควรให้ความชัดเจนโดยเร็ว โดยมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าการล็อคดาวน์นั้นจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ไหน ผมคิดว่าการล็อคดาวน์ทำได้ในลักษณะจำกัดวงหรือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และควรมาพร้อมกับการเยียวยาที่ชัดเจน จะต้องไม่มีคำถามว่าทำไมไม่ได้ห้าพันอีก เพราะการล็อคดาวน์ทำร้ายเศรษฐกิจปากท้องมากมายเหลือเกิน และกิจกรรมช่วงปีใหม่ควรจะสามารถทำได้หากมีการประเมินถึงความเสี่ยงน้อย มีมาตรการคัดกรองและ social distancing ที่ชัดเจน

“ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าเราในฐานะประชาชนจะนิ่งนอนใจ อย่าลืมการป้องกันตัวเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการรักษาระยะห่างอย่างเข้มงวด ล้างมือด้วยสบู่และหมั่นใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อพบอาการเสี่ยงติดเชื้อต้องรีบไปพบแพทย์และไม่ปิดบังข้อมูล ทั้งหมดนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านและบุคคลที่ท่านรัก เราจะผ่านเรื่องนี้กันไปได้ครับ” หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าว

ด้านศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะยื่นข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้วางระบบการตรวจสอบนายจ้างและแรงงานข้ามชาติที่เป็นสากล หากกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันไม่รองรับก็ต้องปรับปรุงหรือเสนอแก้ไข เพื่อให้ใช้มาตรการที่เด็ดขาดและเข้มงวดต่อนายจ้างและแรงงานข้ามชาติ อันจะเป็นแนวทางในการใช้วิกฤตมาเป็นโอกาสในการจัดการแรงงานข้ามชาติทั้งระบบให้เป็นสากลต่อไป ในวันพุธที่ 23 ธ.ค. 2563 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงแรงงาน ถ.มิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net