Skip to main content
sharethis

'เลขา ครป.' ระบุ จัดงาน 30 ปีพฤษภา 35 เวทีแรก 23 ก.พ.นี้ ฝ่ายประชาชนคนเดือนพฤษภาร่วมสรุปบทเรียนรัฐประหาร รสช. - พฤษภาทมิฬ ชี้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รุ้จักพอเหมือน พล.อ.เปรม ยกบทเรียนกวางจู-ผู้นำติดคุก ประเทศเดินหน้า 


18 ก.พ. 2565 Thai Intelligence รายงานต่อสื่อมวลชนว่า เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า คณะกรรมการจัดงาน 30 ปีพฤษภาประชาธรรม จะจัดเวทีแรกในโอกาสครบรอบการรัฐประหาร รสช. ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ ที่ มศว.ประสานมิตร ในหัวข้อ "ประสานมิตร : ถอดบทเรียนการรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ จาก รสช. ถึงเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 35 บทบาททหารกับการเมืองไทย" เพื่อสรุปบทเรียนและบทบาทของกองทัพ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองอีกต่อไป โดยให้เหตุการณ์พฤษภา 35 เป็นบทเรียนสำคัญของการเมืองไทยและการเมืองโลก เป็นอนุสติและอุทาหรณ์ครั้งสุดท้าย ที่ภายหลังการรัฐประหารนำไปสู่การลุกขึ้นสู้ของประชาชนจนเกิดเหตุการณ์ปราบปรามคนไทยด้วยกันจนเลือดนองแผ่นดิน สูญเสียชีวิตและบาดเจ็บพิการไปมากมายในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

โดยจะมีการหยิบยกบทเรียนจากกวางจู เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ฝาแฝดกับเหตุการณ์พฤษภา 35 ซึ่่่งเกิดเหตุการณ์ 18 พฤษภา 2523  ประธานาธิบดีชอนดูฮวาน ใช้อำนาจเผด็จการเข้าควบคุมสภาและจับกุมนักการเมืองหลายคน รวมไปถึงนักประชาธิปไตยโดยอ้างข้อหาก่อกบฎและเป็นภัยคอมมิวนิสต์ แต่ภายหลังได้มีการทบทวนสรุปบทเรียนและกระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ในภาวะปกติ จึงสรุปเหตุการณ์ใหม่ว่า คือการลุกขึ้นสู้ของประชาชนเพื่อประท้วงเรียกร้องประชาธิปไดยจากกองทัพ สุดท้ายรัฐบาลต้องกล่าวขอโทษประชาชนอย่างเป็นทางการและสร้างอนุสาวรีย์ให้แก่วีรชน ขณะที่ต่อมาอดีตประธานาธิบดีได้ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตในปี 2539 เนื่องจากการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนไปจำนวนมาก แม้ว่าต่อมาเขาจะได้รับการอภัยโทษในภายหลังก็ตาม หลังจากเกิดการรับผิดในกระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน ภายหลังเกาหลีใต้มีการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง ยกเลิกบทบาททหารกับการแทรกแซงทางการเมืองเด็ดขาด รัฐบาลพลเรือนเดินหน้าพัฒนาประเทศจนรุ่งเรืองมาจนถึงวันนี้โดยไม่สะดุดและติดกับดักอำนาจนิยมเหมือนไทย

สำหรับประเทศไทยนั้น การรัฐประหาร 2534 ควรเป็นครั้งสุดท้าย และเหตุการณ์พฤษภา 35 ควรเป็นอุทาหรณ์สำคัญให้นักการเมืองและกองทัพไทย แต่ก็เกิดความขัดแย้งจนเกิดการรัฐประหารช่วงชิงอำนาจด้วยกำลังอาวุธในปี 2549 และ 2557 ประเทศไทยจึงไม่ไปไหนสักที ซ้ำร้ายยังติดกับดักอำนาจนิยมภายใต้รัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบสืบทอดอำนาจคณาธิปไตยไว้ จำเลยของสังคมคือพล.อ.อาวุโส 3 คนที่ควบคุมกองทัพ กลายเป็นทหารการเมืองและเสนาพาณิชย์ที่ฉุดรั้งประเทศไทยไว้ติดหล่มโคลนปลักควาย เป็นการแบ่งแยกประชาชนแล้วทำลายในทางอ้อม วันนี้คนไทยหลายคนอยากเห็นหัวหน้าคณะรัฐประหารคนไทยคนแรก ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ เนื่องจากการใช้ ม.44 ครอบจักรวาลกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ไม่เคารพนิติรัฐนิติธรรม ซ้ำยังใช้อำนาจฉุกเฉินฯ ยาวนานที่สุดเพราะบริหารราชการแผ่นดินตามกฎหมายปกติไม่เป็น

เลขาฯ ครป. กล่าวต่อว่า ตนไม่อยากให้ความหลงในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จบลงเหมือนกับเหตุการณ์เดือนพฤษภา 35 ที่พล.อ.สุจินดา ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติกลายเป็นโมฆะบุรุษ แต่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์คงไปไม่ถึงฝั่งฝัน ว่าจะเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี เพราะจะแพ้ภัยตนเองที่ไม่รู้จักพอเหมือน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  ที่บอกว่าผมพอแล้ว หลังจากอยู่ในอำนาจครบ 8 ปี ซึ่งทำให้รัฐประหารไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ อยากอยู่ต่อเพราะมีความฝันจะเป็นประธานการประชุมเอเปคในปลายปีนี้ แต่ความฝันคงสลายเพราะคำว่าไม่รู้จักพอ มีความฝันไม่รู้จบแต่ผ่านไป 8 ปี แก้ปัญหาไม่ได้ในโลกแห่งความจริง

ระบอบประยุทธ์ก็ไม่ต่างจากระบอบทักษิณในอดีต จากทุนนิยมประชาธิปไตย มาเป็นทุนนิยมเผด็จการสมบูรณ์ขึ้น สร้างระบบอำนาจนิยม บงการการเมือง แต่เครือข่ายบริวารนักการเมืองก็ยังแย่งชิงตำแหน่งเสนาบดีอยากเป็นรัฐมนตรีกันจ้าละหวั่นเหมือนเดิม ถึงขั้นทรยศหักหลังกัน สภาล่มซ้ำซ้อน เกลือเป็นหนอน บ่อนทำลาย  จนพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ และที่บอกว่ารัฐบาลของตนไม่มีการโกงกินก็ยิ่งโกหกประชาชน คดียังคงค้างอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งยังใช้ประเทศประกันตัวต่อรองถอนฟ้องคดีเหมืองทองให้ตนเองอีกด้วย

เลขาฯ ครป. กล่าวต่อว่า ครป.จึงได้ร่วมกับคณะกรรมการจัดงาน 30 ปี พฤษภาประชาธรรม จะจัดงานรำลึกสืบสานอุดมการณ์เดือนพฤษภา 35 ทุกเดือนนับแต่นี้ไป เพื่อสรุปบทเรียนประชาธิปไตยและจัดวางบทบาททหารกับอนาคตประเทศไทยร่วมกัน โดยจะมีเวทีอุ่นเครื่อง เชื่อมประสานเครือข่ายพันธมิตรประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก สู่การประชุมระดับโลกในเดือนพฤษภาคมปีนี้ด้วย โดยจะมีการจัดเวที Asia Pacific Social Forum 2022 ขึ้นในวันที่ 18-20 ก.พ.นี้ ทางออนไลน์ และเวทีประเทศไทยในวันที่ 23 ก.พ. โดยเชิญฝ่ายประชาชนที่เข้าร่วมในเหตุการณ์พฤษภา 35 อภิปรายร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ตอบรับแล้วคือ พิภพ ธงไชย, จตุพร พรหมพันธุ์, ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, สมบัติ บุญงามอนงค์, บัณฑิต ศรไพศาล, สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ, ภูมิ มูลศิลป์ เป็นต้น ส่วนรอบเดือนหน้าจะเป็นเวทีฝ่ายการเมืองที่เคยเข้าร่วมในเหตุการณ์

กำหนดการเวทีสาธารณะ 30 ปีพฤษภาประชาธรรม "ประสานมิตร : ถอดบทเรียนการรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ จาก รสช. ถึงเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 35 บทบาททหารกับการเมืองไทย"

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)

กล่าวต้อนรับและเปิดประเด็นเวทีการอภิปรายโดย ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มศว ประสานมิตร

กล่าวเปิดโดย อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 พิธีกร โดย ประภาภรณ์ โรจน์ศิริรัตน์

ร่วมอภิปรายโต๊ะกลมโดย ฝ่ายประชาชน คนเดือนพฤษภา 2535 พิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขาธิการมูลนิธิเด็ก, จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. (อดีตแกนนำนักศึกษา ม.รามคำแหง), ปริญญา เทวานฤมิตรกุล กรรมการมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม (อดีตเลขาธิการ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) 2535), สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, สมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้นำแรงงานภาคเอกชน, บัณฑิต ศรไพศาล เครือข่ายหมอในเหตุการณ์พฤษภา 35 และเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สื่อมวลชน

ฯลฯ ดำเนินรายการโดย ปรีชญาณ์ นักฟ้อน คณะสังคมศาสตร์ มศว ประสานมิตร ร่วม Online เข้ามาในเวทีโดย สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ (อดีตเลขาธิการ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) 2534) ฯลฯ

จัดโดย คณะจัดงาน 30 ปีพฤษภาประชาธรรม

Live ทางเพจ สภาที่ 3, คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย l ครป. ฯลฯ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net