Skip to main content
sharethis
  • วงเสวนาวิชาการ ถาม 'อนุทิน' รับไหวไหม ผลกระทบจากกัญชา ปล่อยปชช.ใช้วิจารณญาณ สุดห่วงเมากัญชาแล้วขับ–เด็กเยาวชนแห่ใช้ จี้ออกกฎหมายรัดกุม กำหนดปริมาณครอบครอง คงช่อดอกเป็นยาเสพติด เหตุมี THC สูง ชี้รัฐมีหน้าที่สร้างความปลอดภัย ไม่เสรีนันทนาการ 
  • ด้าน 'อนุทิน' เล็งออกประกาศ 'กัญชา'  เป็นสมุนไพรควบคุม กำหนดอายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามครอบครอง ไม่ใช้ในสตรีตั้งครรภ์ ให้นมบุตร กำหนดสถานที่ในการใช้ 

15 มิ.ย. 2565  ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ โรงแรมแมนดาริน เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกันจัดเสวนา หัวข้อ “นโยบายกัญชาเสรีกับปัญหาอุบัติเหตุเสพ(เมา)แล้วขับและการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย”

สุรสิทธิ์ ศิลปะงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ตนไม่ได้คัดค้านการใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่ตอนนี้คนทำงานเรื่องนี้กำลังช็อค เพราะตอนแรกก็เน้นการใช้ทางการแพทย์ เพื่อลดใช้ยาต่างประเทศ แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้เป็นไปตามนั้น โดยปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด ทั้งที่ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ....ยังไม่ออกมาใช้ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เผลอๆ รัฐบาลชุดนี้หมดวาระลงไปก่อนด้วยซ้ำ จะทำให้ช่วงเวลาก่อนที่ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะออกมากลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ ที่น่าห่วงคือการการใช้ในเด็ก เยาวชน ในโรงเรียน ขนาดยาบ้ามีกฎหมายควบคุมไว้ยังพบการลักลอบใช้ในโรงเรียน นี่มีกัญชาเข้ามาอีก อีกปัญหาที่น่ากังวลคือการเมากัญชาแล้วขับ ซึ่งกรณีที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่าคนใช้กัญชาไม่ขับรถนั้น เป็นการพูดจากข้อมูล 40-50 ปีก่อน ตอนนี้มีการใช้หลายแบบ มีสูตรผสมต่างๆ ที่อันตราย และคนใช้ก็มีหลายประเภท บางคนง่วงหลับ บางคนครึกครื้น ดังนั้นในช่วงนี้รัฐบาลต้องเอาจริงในการหารือ สั่งการกระทรวงมหาดไทย ให้สั่งการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คอยดูแลไม่ให้มีการเอากัญชาไปใช้ในทางที่ผิด รัฐก็ต้องควบคุมเพราะตอนนี้เสรีมากเกินไป

สุรสิทธิ์ กล่าวว่า ที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ระบุว่าไม่ได้ส่งเสริมให้มีการใช้สันทนาการ ให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ และสอดส่องกันนั้นเป็นการผลักภาระให้ประชาชนเกินไป ท่านเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขไม่ควรพูดเช่นนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต้องมีหน้าที่ปกป้องคุณภาพชีวิตของคนไทย แต่เข้าใจนโยบายพรรคประกาศมาแต่แรก แต่นักการเมืองก็คือนักการเมือง แต่ทำอะไรต้องมีขอบเขต ถ้าจะผลักกัญชาเป็นสินค้าทางการแพทย์เพื่อดูแลคนป่วยก็เอาทางด้านนั้นไปเลย หมอคงไม่ขัด แต่ตอนนี้นโยบายออกมาไม่มีใครพูดถึงทางการแพทย์ ไปพูดถึงแต่สันทนาการหมด ประเด็นถูกเบี่ยง เหมือนการเมืองนโยบายบรรลุแล้ว แต่ภาระทั้งหมดตกอยู่กับประชาชน แล้วอย่าลืมว่าทุกวันนี้สังคมไทยอ่อนแอมาก อนุทิน รับผิดชอบไหวหรือไม่

ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และที่ปรึกษามูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า นาทีนี้กัญชาไม่ใช่สารเสพติดประเภทที่ 5 ตามคำประกาศอันศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางรัฐมนตรีสาธารณสุข นายอนุทิน  ชาญวีรกุล แบบเรียบร้อยโรงเรียนพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว ผลที่ตามมาคือ คนไทยตั้งแต่แก่ ยันเด็ก สามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างเสรี แต่สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้คือสารเสพติดในช่อดอกกัญชา ทั้งนี้ตนไม่คัดค้านกัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อสุขภาพ ส่วนกัญชาเพื่อเศรษฐกิจนั้นก็ไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจใครระหว่างทุนใหญ่กับชาวบ้าน ซึ่งทุกฝ่ายต้องจับตาและช่วยกันวิเคราะห์ แต่ที่ตนอยากรู้ว่ากัญชาเพื่อนันทนาการนั้นใครจะรับผิดชอบและรับผิดชอบอย่างไรไม่ให้เป็นหลุมดำหลุมใหม่ของเด็กและเยาวชน

“กัญชาเสมือนดาบที่คมกริบทั้ง 2 ด้าน คำถามคือ มาตราใดของ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ...ของพรรคภูมิใจไทย ที่แสดงถึงความผิดชอบทางจริยธรรมของพรรคการเมือง ของนักการเมืองกรณีการปกป้องเด็กและเยาวชนจากคมดาบที่คมกริบอีกด้านของกัญชา อย่าเอาเรื่องยา หรือสารต่างๆ มาแปรรูปเป็นสารเสพติดมาเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมให้วาทกรรม และกติกากัญชาเสรี ไม่ละอายใจหรือที่ขยันสร้างภัยคุกคามเด็กเยาวชน ซึ่งโดยหลักการรัฐต้องให้ความสำคัญหรือต้องควบคุมการเข้าถึง การซื้อ การขายกัญชาให้กับเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แนะนำให้ลดความต้องการหรือรู้จักใช้ ใช่ให้เป็นเช่นที่รัฐมนตรีสาธารณสุขอนุทินให้สัมภาษณ์หลังมีข่าวผู้เสพกัญชาเสียชีวิต” ทิชา กล่าว

ขณะที่ พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก. ) และรองศาสตราจารย์จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ 2 ฉบับที่อยู่ในการแปรญัตติของกรรมาธิการ โดยร่างฯ ของพรรคพลังประชารัฐนั้นค่อนข้างรัดกุม โดยรวมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ป้องกันการนำไปใช้สันทนาการ ส่วนร่างฯ ของพรรคภูมิใจไทยจะไม่ค่อยมีข้อห้ามเรื่องของการใช้สันทนาการนัก เช่น ไม่กำหนดปริมาณการครอบครองของแต่ละคน ซึ่งในต่างประเทศที่มีการเปิดใช้กัญชานั้นจะมีข้อกำหนดตรงนี้ และมีข้อกำหนดไม่ให้ปกปิดมิดชิด ไม่โชว์หน้าบ้าน เช่นที่ สหรัฐอเมริกา ดังนั้นประเทศไทยก็ต้องศึกษาประสบการณ์ของต่างประเทศที่เปิดใช้เสรี ซึ่งก็ยังมีปัญหาเรื่องผลกระทบ ไทยก็ไม่ควรเสรีไปมากกว่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ กฎหมายที่ออกมาก็อยากให้กำหนดปริมาณการครอบครอง กำหนดให้ช่อดอกยังคงเป็นยาเสพติด เพราะที่มีสาร THC สูง การปลูกนอกจากจดแจ้งแล้ว ควรกำหนดเรื่องการเก็บ หรือปิดไม่ให้นำมาแสดงให้เห็นได้โดยทั่วไป ทั้งนี้ยืนยันว่าการที่หลายฝ่ายออกมาพูดถึงผลกระทบนั้นไม่ใช่การดิสเครดิสใคร เพราะเท่าที่ติดตามคนที่ออกมาก็เป็นนักวิชาการ เป็นองค์กรวิชาชีพที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ที่ออกมาเพราะเป็นห่วงผลกระทบ ต้องการให้ร่วมกันหาทางนำกัญชามาใช้ให้เกิดประโยชน์ และปลอดภัยที่สุด    

“กฎหมายต้องมีความรัดกุม ดีกว่าให้ประชาชนเลือกเอง หรือระมัดระวังตัวเอง เพราะกัญชาอยู่ในการควบคุมเข้มงวดมาเป็นเวลานาน คนรู้สึกอยากทดลองใช้ ร่วมกับข้อมูลต่างๆ ที่ออกมา คนอาจจะแห่เข้าไปใช้มากขึ้น ที่กังวลมากคือเด็ก และเยาวชน และโดยนัยยะเราจะไม่ไปว่าคนที่ใช้กัญชา แต่ต้องมีการควบคุมการขาย ควบคุมการเข้าถึง เราเน้นมาตรการมากกว่าที่จะไปโทษคนใช้ หรือไปบอกเขาว่าทำไมไม่หัดใช้ให้ถูก เราได้แต่แนะนำว่าใช้อย่างไร ในขณะที่มาตรการของเราก็ต้องเข้มข้นด้วย เพื่อที่จะช่วยพิทักษ์ความปลอดภัยให้ประชาชน” รศ.พญ. รัศมน กล่าว

'อนุทิน' เล็งออกประกาศ 'กัญชา'  เป็นสมุนไพรควบคุม กำหนดอายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามครอบครอง ไม่ใช่ในสตรีตั้งครรภ์ ให้นมบุตร กำหนดสถานที่ในการใช้ 

ด้าน อนุทิน รมว. สธ. นั้น วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า  ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน อนุทินปาฐกถาพิเศษ ปลดล็อกกัญชาเสรี สร้างเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ ภายในงานประชุมวิชาการ เดินหน้ากัญชาเสรี แก้เจ็บแก้จน ว่า วันนี้เข้าวันที่ 6 แล้ว หลังปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ยืนยันว่าเราใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ทาง สธ.ก็มีการขับเคลื่อนเรื่องนำมาใช้ทางการแพทย์แล้ว ทำให้เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งก็ขับเคลื่อนนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ ต้องโฟกัสที่จุดแข็งแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด อย่าไปโฟกัสแต่จุดที่เป็นโทษ ซึ่งชัดเจนสิ่งเดียวที่เป็นปัญหาคือการเสพ การใช้สูตรการผลิตที่เกินจากระดับปลอดภัย

อนุทินกล่าวว่า ย้ำว่าการใช้กัญชาทางการแพทย์หากใช้ตามที่แพทย์สั่งจ่ายหรือแนะนำ ไม่เคยเห็นว่ามีปัญหาหรือได้รับผลกระทบ ทุกวันนี้มียาแผนไทยที่มีส่วนผสมกัญชาได้รับการบรรจุเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติหลายตำรับ และอยู่ระหว่างการเสนอพิจารณาอีกหลายตัว ซึ่งเมื่อเข้าบัญชียาหลักฯ แล้วก็เบิกจ่ายได้ทุกกอทุนหลักประกันสุขภาพ ก็อาจมีคนสูญเสียอย่างมหาศาลแน่นอน เพราะยาที่ผลิตจากกัญชาถูกกว่ายานำเข้า แต่เราไมได้บอกว่าจะใช้ยากัญชาทั้งหมด เพราะไม่ใช่ยาครอบจักรวาล

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลการใช้กัญชาต่างๆ ทั้งในเด็กและเยาวชน พื้นที่สาธารณะนั้น เรามี พ.ร.บ.การสาธารณสุข ซึ่ง สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วย สธ. ในฐานะดูแลกรมอนามัย ก็ได้ลงนามในประกาศประทรวงสาธารณสุข ให้กลิ่นและควันจากกัญชาเป็นเหตุรำคาญ ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.จะประชุมร่วมกับอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อพิจารณาออกแนวทางการควบคุมเพื่อคลายความกังวล ซึ่งจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กำหนดกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม อย่างการใช้ต้องเป็นคนอายุเท่าไร เช่น ผู้ที่จะเข้าถึงกัญชาได้ต้องมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ไม่ใช่สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือกลุ่มคนกลุ่มไหนใช้ได้ สถานที่ไหนที่ใช้ได้ ซึ่งจะมีรายละเอียด ซึ่งหลังจากนำเสนอปลัด สธ.แล้ว ก็จะยกร่างเสนอให้ตนลงนาม หากเห็นว่าทุกอย่างครอบคลุมชัดเจนก็จะลงนามโดยเร็วที่สุด และรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาคิดว่าใช้เวลาไม่นาน

"แปลว่านักเรียนอายุต่ำกว่า 20 ปีก็ใช้ไม่ได้ ส่วนจะมาบอกว่าในมหาวิทยาลัยใช้ได้ เพราะอายุเกิน 20 ปี ก็ไม่ได้ เพราะก็จะติดเรื่องกลิ่นและควันกัญชาเป็นเหตุรำคาญ ซึ่งก็เป็นการควบคุมการใช้ในพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น เรื่องที่จะต้องไปประกาศห้ามกัญชาในโรงเรียนหรือไม่ ก็ไม่จำเป็น เพราะโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ห้าง ก็เป็นสถานที่สาธารณะ ส่วนที่ผู้ว่าฯ กทม.จะตอกย้ำออกประกาศย้ำเรื่องการห้ามในโรงเรียนก็เป็นสิ่งที่ดี ในการแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจร่วมกัน อย่าไปคิดว่านี่รัฐบาล สธ. หรือ กทม. เราเลือกตั้งเข้ามาทำงานเพื่อประชาชนเหมือนกันทั้งนั้น" อนุทินกล่าวและว่า เมื่อประกาศเหล่านี้ออกมาก็จะอุดรอยรั่วระหว่างที่ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่ออกมา และไม่ต้องไปออก พ.ร.ก.เกี่ยวกับกัญชามาใช้ช่วงนี้อีก

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net