สืบเนื่องจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ 8 ม.ค. นี้เป็นต้นไป ยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศ และกลับมาออกวีซ่าให้คนจีนออกเที่ยวอีกครั้ง ทำให้นานาชาติคุมเข้ม เร่งขยับรับมือโควิดอีกครั้ง ด้านไทย คกก.ควบคุมโรคติดต่อ จ่อเสนอที่ประชุมสธ. 5 ม.ค. นี้ ‘ไม่ตรวจโควิดนทท.จีน เพราะยึดหลักความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ’ หลายฝ่ายวิจารณ์ หย่อนยานเกินไปหรือไม่ ด้าน ‘หมอมานพ ศิริราช’ แนะ 6 วิธีรับมือที่สมเหตุสมผล-ปฏิบัติได้จริง
‘ไม่ตรวจโควิด นักท่องเที่ยวจีน’
ย้ำหลักเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 65 ช่อง 7 ออนไลน์ รายงานถึงแนวทางรับมือโควิดของกระทรวงสาธารณสุข ระบุ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีวาระสำคัญ คือ การเตรียมรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเพิ่มขึ้นจากนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไทยประมาณ 5 ล้านคน ในปี 2566 รวมทั้งจะมีผู้เดินทางจากไทยไปจีนมากขึ้น จึงต้องมีการพิจารณามาตรการและเตรียมแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยจะนำผลของที่ประชุมเสนอต่อผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมรับผู้เดินทางจากจีนในวันที่ 5 ม.ค.66 เพื่อกำหนดเป็นมาตรการของประเทศร่วมกัน ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการฯ กล่าวว่า การพิจารณามาตรการคำนึงถึงหลักการเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ อยู่บนพื้นฐานด้านวิชาการ ความปลอดภัยสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ สอดคล้องกับมาตรการผู้เดินทางเข้าออกของประเทศต่างๆ ซึ่งที่ประชุมร่วมกันพิจารณาและประเมินความเสี่ยงโดยใช้ข้อมูลสถานการณ์โรค ข้อมูลการเดินทางระหว่างประเทศ มาตรการของประเทศต่างๆ แล้วเห็นว่า ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีแนวทางและมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 เพื่อเตรียมรับผู้เดินทางจากจีน ดังนี้
1. กำหนดมาตรการป้องกันโควิด เพื่อรับผู้เดินทางจากจีน ได้แก่ ตรวจเอกสารรับรองวัคซีนโควิด 19 และประกันสุขภาพระยะสั้นที่ครอบคลุมการรักษาโควิด ก่อนเดินทางเข้าไทย สอดคล้องกับข้อกำหนดของจีนในการรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ที่ให้ตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 48 ชั่วโมง
2. สื่อสารถึงมาตรการและคำแนะนำต่างๆ ของไทยให้ผู้เดินทางก่อนเดินทางเข้าไทย ผ่านหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สายการบิน ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ
3.ระบบเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าประเทศที่ช่องทางเข้าออกประเทศ โดยสุ่มตัวอย่างตรวจสายพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันสายพันธุ์ที่พบในจีนไม่แตกต่างจากที่เคยมีรายงาน ประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อนำไปพิจารณากำหนดมาตรการที่เหมาะสม
4.เตรียมพร้อมระบบสาธารณสุขให้รองรับผู้ป่วยชาวต่างชาติได้มากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว
5. สื่อสารมาตรการป้องกันตนเองตลอดเวลาที่ผู้เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในไทย เช่น สวมหน้ากาก การล้างมือ และจัดบริการสายด่วนสำหรับนักท่องเที่ยว
6.ผู้ประกอบการและร้านค้า ดำเนินการตามแนวทาง SHA, SHA+
7.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม สื่อสารผู้ประกอบกิจการ ผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวรับวัคซีนโควิดครบ 4 เข็ม โดย สธ.จะเตรียมวัคซีนให้กับแรงงาน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว และภาคคมนาคม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน รวมถึงคนไทยทุกคนให้ได้วัคซีนรวม 4 เข็ม เพื่อลดการป่วยหนักและเสียชีวิต
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเตรียมการจัดทำแผนรองรับในระยะต่างๆ ให้มีการติดตามประเมินมาตรการที่กำหนดเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์รอบด้าน ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดให้ตรวจหาเชื้อโควิดในผู้เดินทางจากจีน สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ European CDC แต่หากมีข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์หรือสถานการณ์ระบาดเปลี่ยนแปลง จะพิจารณาความจำเป็นของการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทางเข้าไทยอีกครั้ง
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
ภาพจาก ทีมสื่อ สปสช.
'หลายชาติ' ยกการ์ดสูงแล้ว
บังคับมีผลตรวจเป็นลบ ก่อนเข้าประเทศ
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายสำนักข่าวรายงานตรงกันถึงความเคลื่อนไหวของนานาประเทศที่เริ่มขยับ วางแผนรับมือกับคลื่นนักท่องเที่ยวจีน ดังนี้
- ญี่ปุ่น: ผู้ที่เดินทางมาจากจีนต้องตรวจโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น หากพบเชื้อกักตัว 7 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 65 เป็นต้นมา
- อิตาลี: รัฐมนตรีสาธารณสุขอิตาลี มีคำสั่งให้บังคับตรวจหาเชื้อโควิดจากนักเดินทางจากจีนทั้งหมดและเรียกร้องให้สหภาพยุโรปทำเช่นเดียวกัน หลัง 2 ไฟล์ทบินจีนเข้ามิลาน พบผู้โดยสารมีผลโควิดเป็นบวกเกินครึ่ง
- สหรัฐฯ: ผู้เดินทางจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบไม่น้อยกว่า 2 วันก่อนออกเดินทาง มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 66
- อินเดีย: นักเดินทางจากจากจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไทย ต้องมีผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าอินเดีย มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 66
- เกาหลีใต้: บังคับนักท่องเที่ยวจีนต้องมีผล RT-PCR ก่อนบินภายใน 48 ชม. หรือผล ATK ภายใน 24 ชม. และเมื่อมาถึงเกาหลีแล้ว ต้องตรวจ RT-PCR อีกรอบที่สนามบินด้วย
- ไทย: เตรียมหามาตรการประชุม 5 ม.ค. 66 เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล
‘หมอมานพ’ แนะ 6 แนวทางรับมือ
สมเหตุสมผล-ปฏิบัติได้จริง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลทวีตข้อความระบุ มาตรการที่สมเหตุผลทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติในการรับมือนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่
1. ไม่ต้องบังคับตรวจนักท่องเที่ยวจากจีนทุกรายโดยหวังสกัดการระบาด เพราะเชื้อมันกระจายไปทั่วแล้ว เรามีโอกาสติดเชื้อจากคนในประเทศมากกว่า
2. ควรสุ่มตรวจนักท่องเที่ยวจากจีนทุกเที่ยวบินเพื่อติดตามสายพันธุ์ใหม่
3. กำหนดให้นักท่องเที่ยวจีนมีประกันสุขภาพทุกราย
4. ถ้าจัดแคมเปญฉีด mRNA vaccine นักท่องเที่ยวฟรี ควรจัดหา bivalent mRNA vaccine และเปิดฉีดให้คนไทยแบบวงกว้างและทั่วถึงไปพร้อมกัน
5. จัดหายา Paxlovid ให้พอกรณีผู้ป่วยเพิ่มจากการระบาด
6. รายงานสายพันธุ์ใหม่จากต่างประเทศให้ทราบเป็นระยะ
มาตรการที่สมเหตุผลทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติในการรับมือนักท่องเที่ยวจีน
— manopsi (@manopsi) December 30, 2022
1. ไม่ต้องบังคับตรวจนักท่องเที่ยวจากจีนทุกรายโดยหวังสกัดการระบาด เพราะเชื้อมันกระจายไปทั่วแล้ว เรามีโอกาสติดเชื้อจากคนในประเทศมากกว่า
2. ควรสุ่มตรวจนักท่องเที่ยวจากจีนทุกเที่ยวบินเพื่อติดตามสายพันธุ์ใหม่
‘หมอมนูญ’ แนะ เร่งฉีดเข็มกระตุ้นคนไทย
วันนี้ (2 ม.ค.) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ รพ.วิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุ ข่าวดีรัฐบาลจีนผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 จีนยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทาง เชื่อว่า อีกไม่นานจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาประเทศไทยเป็นหลักล้านคน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย คนไทยไม่ต้องตื่นกลัวข่าวที่อาจมีเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่เกิดในประเทศจีน แล้วคนจีนเอาเชื้อมาแพร่กระจายในประเทศไทย เชื้อไวรัสโควิดมีการกลายพันธ์ต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอดของตัวมัน สามารถเกิดขึ้นในประเทศไหนก็ได้ไม่ใช่เฉพาะประเทศจีน เราควรปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวจีน ยินดีต้อนรับเขาเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ถึงเวลาเราควรเลิกกลัวไวรัสโควิด เราต้องอยู่ร่วมกับโควิดอย่างมีสติ เตรียมตัวคนไทยเองให้ดี เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันโควิด ในอนาคตคงต้องฉีดวัคซีนหลายๆสายพันธุ์ทุกปีเหมือนไข้หวัดใหญ่ สร้างสุขนิสัยที่ดี สวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่ในที่แออัดอากาศถ่ายเทไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเองป่วยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ เราต้องยอมรับว่า ถึงเราจะทำทุกอย่างก็ยังมีโอกาสติดเชื้อ เพราะเชื้อไวรัสโควิดแพร่กระจายทางอากาศได้ง่ายกว่าไวรัสทุกชนิดในโลก ติดเชื้อหลักๆทางการหายใจ และหลบหลีกภูมิคุ้มกันไม่ว่าเกิดจากการได้รับวัคซีน หรือจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ เมื่อติดเชื้อก็รักษากันไป ข้อดีของการติดเชื้อคือ เกิดภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ ทำให้มีภูมิคุ้มกันลูกผสม hybrid immunity ป้องกันโควิดได้ดียิ่งขึ้น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)