Skip to main content
sharethis

คปช.53 ไปกระทรวงยุติธรรมตามความคืบหน้าคดีของผู้เสียชีวิตจากรัฐบาลอภิสิทธิ์สั่งสลายชุมนุมเมื่อปี 53 ที่ไม่คืบหน้ามา 13 ปี และเรียกร้องให้ชดเชยเยียวยาคนที่ถูกขังฟรีจากคดีที่รัฐกล่าวหาว่าเกี่ยวกับเหตุรุนแรงเช่นกรณีชายชุดดำแต่สุดท้ายแล้วศาลยกฟ้อง

9 มี.ค.2566 ที่กระทรวงยุติธรรม คณะประชาชนทวงความยุติธรรม(คปช.53) โดยธิดา ถาวรเศรษฐ และเหวง โตจิราการ พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดง ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 เดินทางมายื่นข้อร้องเรียนต่อสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าและเร่งรัดคดีของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ เม.ย.-พ.ค.2553 รวมถึงเรียกร้องการเยียวยาให้แก่ผู้ที่ถูกคุมขังระหว่างถูกดำเนินคดีโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวแต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง

ธิดากล่าวถึงเหตุผลที่มากระทรวงในวันนี้ว่าทาง คปช.53 มาด้วยข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ข้อแรกคือขอให้รัฐมนตรีต้องเปิดเผยความคืบหน้าของคดีของผู้เสียชีวิตว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมครั้งนั้นดำเนินการไปถึงไหนแล้วทั้งส่วนคดีที่ผ่านการขั้นตอนไต่สวนการตายของศาลแล้วแต่ยังไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำความผิด รวมถึงคดีของผู้เสียชีวิตอีก 62 รายที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการไต่สวนการตายด้วย

ประเด็นถัดมาคือให้ทางกระทรวงดำเนินการเยียวยาแก่ประชาชนที่ถูกจับกุมดำเนินคดีในคดีต่างๆ แล้วไม่ได้รับสิทธิประกันตัวระหว่างสอบสวนและพิจารณาคดีของศาล ทำให้พวกเขาถูกคุมขังจนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาออกมาว่าให้ยกฟ้อง อย่างไรก็ตามพวกเขากลับไม่ได้รับเงินชดเชยเยียวยาจากการถูกคุมขังเพราะศาลพิพากษายกฟ้องโดยไม่ได้พิจารณาว่าพวกเขาไม่ได้กระทำความผิดแต่เป็นประเด็นมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอและยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ประเด็นที่สาม ธิดากล่าวว่าขอให้กระทรวงพิจารณาให้แยกสถานที่สำหรับคุมขังผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองจากคดีอาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องมีการปฏิบัติที่พิเศษหรือหรูเลิศกว่าผู้ต้องขังอื่นๆ แต่เพื่อให้พวกเขาได้รับการดูแลโดยไม่ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับญาติผู้ต้องขังที่อาจต้องเดินทางข้ามจังหวัดหรือไม่ แกนนำ คปช.ตอบว่าการย้ายสถานที่คุมขังนี้ให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องขังเองว่าจะย้ายมาหรือไม่

ส่วนประเด็นสุดท้าย ทางกลุ่มยังขอให้กระทรวงเข้าปรึกษาหารือกับศาลยุติธรรมเรื่องสิทธิประกันตัวของผู้ต้องขังคดีการเมืองที่มีอยู่จำนวนมากจากทั้งประเด็นการพิจารณาไม่ให้ประกันและการกำหนดเงื่อนไขรวมถึงหลักทรัพย์ที่ใช้ประกันตัวผู้ต้องขังที่

ธิดากล่าวว่าสำหรับประเด็นสุดท้ายนี้เห็นว่าเหตุผลที่ศาลยกมาพิจารณาไม่ให้ประกันเช่น เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปกระทำความผิดซ้ำทั้งที่คดีของพวกเขายังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดจริงนั้นเป็นการขัดต้อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสองที่กำหนดหลักการว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีต้องสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดและจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นสมือนว่ากระทำความผิดแล้วไม่ได้ รวมถึงศาลจะต้องพิจารณาคำร้องของประกันตัวและไม่เรียกหลักทรัพย์เกินสมควรตามวรรค 5 ในมาตราเดียวกันด้วย

หลังจากทางกลุ่มบางส่วนได้เข้าพบตัวแทนของรัฐมนตรีและมีการปรึกษาหารือกันเกือบหนึ่งชั่วโมง ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออกมาเป็นตัวแทนรับหนังสือของ คปช. กล่าวต่อสื่อและมวลชนที่รอฟังผลการหารือว่าจะนำเรื่องได้รับเรื่องร้องเรียนไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดความเสมอภาค แต่ก็มีเรื่องที่ต้องปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายด้วย ส่วนเรื่องคดีความก็ได้มีการให้ข้อมูลแก่ตัวแทนที่ร่วมประชุมแล้ว

ธิดากล่าวต่อว่าจากการหารือกับทางตัวแทนของกระทรวงได้รับทราบข้อมูลว่าในปี 2553 ดีเอสไอรับผิดชอบอยู่ 300 กว่าคดีแต่เป็นคดีที่ฟ้องประชาชน มี 156 คดีที่เป็นข้อหาก่อการร้าย มี 25 คดีเป็นข้อหาบังคับข่มขืนใจ และเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายประชาชน 181 คดี แต่ยังต้องมาติดตามเพื่อขอข้อมูลรายละเอียดความคืบหน้าเพิ่มเติมว่ามีคดีไหนบ้างที่ส่งให้อัยการศาลยุติธรรมหรืออัยการศาลทหารแล้วบ้าง ดีเอสไอทำอะไรแล้วบ้าง

แกนนำกลุ่มกล่าวเพิ่มเติมว่าจะมาเพื่อติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงอีกครั้งภายใน 1 เดือนนี้

“เราไม่ต้องการให้คนตายฟรี แล้วถ้ากรณี 99 ศพตายฟรีได้ มันก็จะตายฟรีไปเรื่อยๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนตายฟรีมาก่อนแล้วเพราะมีการนิรโทษ ถ้าเราไม่ทำประชาชนไทยก็อาจจะตายฟรีอีก” ธิดากล่าว

แกนนำ คปช.กล่าวทิ้งท้ายว่าหากยังหาความยุติธรรมจากในประเทศไม่ได้ กลุ่มจะนำเรื่องเหตุการณ์สลายการชุมนุมครั้งนี้ไปร้องเรียนต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือ ICC เพื่อเพิ่มข้อมูลให้กับ ICC ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบ 10 ปี ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net