Skip to main content
sharethis

40 องค์กรประชาธิปไตยและภาคประชาชน ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐสภาเคารพฉันทามติมหาชนในการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้งจัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)  และยกเลิกมาตรา 272 ไม่ให้วุฒิสภามีอำนาจเลือกนายก

 

 

17 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า 40 องค์กรประชาธิปไตยและภาคประชาชน ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐสภาเคารพฉันทามติมหาชนในการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้งจัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)  และยกเลิกมาตรา 272 ไม่ให้วุฒิสภามีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีและไม่สามารถเสนอชื่อคน นอกที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่แจ้งไว้ในระหว่างการเลือกตั้ง มาเป็น นายกรัฐมนตรีได้ 

โดยมีรายละเอียดดังนี้ :

แถลงการณ์ 40 องค์กรประชาธิปไตยและภาคประชาชน เรียกร้องรัฐสภาเคารพฉันทามติมหาชนในการเลือกนายกรัฐมนตรี 

ภายหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 พรรคก้าว ไกลได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับที่1 ได้ร่วมกับพรรคการเมือง 7 พรรค รวมกันเป็น 8 พรรค การเมืองมีมติเห็นพ้องเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ได้มีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย โดยวิธีการขานชื่อ มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้ง ส.ส. และ ส.ว.รวม 705 คน โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อมีเพียงคน เดียว คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ปรากฎผลการ ลงคะแนนมีผู้เห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง และขาดประชุม 44 เสียง จึงมีคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ คือ 375 จาก 749 คน ทำให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ผลการลงมติดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สมาชิกวุฒิสภา ได้กระทำการลุแก่อำนาจ ร่วมกันกระทำการอย่างชัดแจ้งทำลายล้างฉันทามติของประชาชน กระทำการโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ที่มี เจตนารมณ์กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองประสงค์จะสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้าว่าถ้าตนเลือกพรรคการเมืองใด ตนจะได้ผู้ใดมาเป็น นายกรัฐมนตรี หากพรรคการเมืองใดได้รับคะแนนเสียงข้างมาก ย่อมเป็นเจตจำนงของประชาชนที่จะเลือกผู้ที่พรรคการเมืองนั้นเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภายังเป็นผู้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยที่การมีส่วนร่วมในการเลือกผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของวุฒิสภาเป็นเวลา 5 ปี แรกนั้น เป็นผลมาจากบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่เขียนขึ้นโดยผู้ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ทำการรัฐประหาร โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้ากองทัพไทยแทน รัฐธรรมนูญที่คสช.ฉีกทิ้งไป องค์กรประชาธิปไตยและภาคประชาชน ตามรายชื่อข้างท้าย จึงขอเรียกร้อง ดังนี้ 

1. สมาชิกรัฐสภาพึงสร้างการเมืองใหม่ ปฏิรูปตนเอง โดยคำนึงถึงมติมหาชน ให้เหมาะสมสอดคล้อง กับการพัฒนาการเมืองภาคประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา ที่สามารถก้าวข้ามวงจรอุบาทว์และการใช้อิทธิพลในการแข่งขันเอาชนะการเลือกตั้งได้ 

2. สมาชิกรัฐสภาพึงทบทวนการออกเสียงลงคะแนน ให้เป็นไปตามฉันทามติของประชาชน ที่ได้ แสดงออกในการเลือกตั้งเมื่อวันที่14 พฤษภาคม 2566 โดยเฉพาะให้สมาชิกวุฒิสภาใช้ฉันทามติของประชาชน ในการทำหน้าที่ที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล หากไม่ประสงค์จะทำหน้าที่ควรลาออกจากสมาชิกภาพ 

3. สมาชิกรัฐสภาต้องจัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยมีข้อเสนอ เฉพาะหน้า ดังนี้ 
3.1 ยกเลิกมาตรา 272 ไม่ให้วุฒิสภามีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีและไม่สามารถเสนอชื่อคน นอกที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่แจ้งไว้ในระหว่างการเลือกตั้ง มาเป็น นายกรัฐมนตรีได้ 
3.2 ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 
เพื่อให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องข้างต้น จึงขอให้ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ได้รวมตัวกันแสดงออก อย่างสันติวิธี เพื่อเคลื่อนไหวกดดัน บอยคอต ใช้กลวิธีสัตยาเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมจำนนต่อการใช้ อำนาจคอร์รัปชันโดยมิชอบ ของผู้ที่ต้องการจะสืบอำนาจครอบครองทรัพยากรของแผ่นดิน เพื่อผลประโยชน์ ส่วนตนและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของประชาชนและประเทศชาติ ด้วยความเชื่อมั่นระบอบประชาธิปไตยและหลักการสิทธิมนุษยชน 17 กรกฎาคม 2566 
1. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) 
2. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) 
3. มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (P-Net) 
4. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) 
5. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) 
6. ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) 
7. ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (We Move) 
8. สถาบันปรีดีพนมยงค์ 
9. เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) 
10. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) 
11. เครือข่ายนักวิชาการเพื่อการกระจายอำนาจ 
12. เครือข่ายจังหวัดจัดการตนเอง 
13. มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) 
14. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย 
15. เครือข่ายประชาชนค้านคอร์รัปชัน (คปต.) 
16. กลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน (กพส.) 
17. เครือข่ายสลัม 4 ภาค 
18. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม 
19. มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม 
20. มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 
21.สถาบันจิตร ภูมิศักดิ์ 
22. เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) 
23. เครือข่ายศิลปินเพื่อประชาธิปไตย 
24. ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD) 
25. กลุ่ม Non-Binary Thailand 
26. เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ 
27.สถาบันสังคมประชาธิปไตย 
28. กลุ่มแท็กซี่ทวงคืนความยุติธรรม 
29.สหภาพคนทำงานกลางคืน 
30.สมาคมส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนเลุ่มน้ำโขง 
31. เครือข่ายคนหนุ่มสาว จังหวัดยโสธร 
32.ชมรมอนุรักษ์และฟื้นฟูลุ่มน้ำสงคราม 
33.ชมรมเด็กฮักถิ่นภูมินิเวศน์ภูพาน 
34. เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา 
35. เครือข่ายนักรบผ้าถุง 
36. กลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย
 37. กลุ่มสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.40) 
38. กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) 
39. เครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ 
40. คณะกรรมการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ภาคประชาชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net