Skip to main content
sharethis

'เฉลิมชัย เฟื่องคอน' สมาชิกวุฒิสภา เตือนรัฐบาลหากเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงผิดกฎหมายว่าด้วยการเงินและการคลังของรัฐ หลังพบรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาดำเนินโครงการ ชี้อาจขัดต่อมาตรา 62 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ด้วย

13 ต.ค. 2566 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่านายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ขอปรึกษาหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านที่ประชุมวุฒิสภาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 รัฐบาลได้แถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อรัฐสภา ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นั้น รัฐบาลไม่ได้มีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาดำเนินโครงการ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำเงินจากส่วนใดมาดำเนินโครงการจึงเป็นการเสี่ยงต่อการทำผิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง ที่ระบุว่า “รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม” อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการทำผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 6 ที่ระบุว่า “รัฐต้องดำเนินนโยบายการคลัง การจัดทำงบประมาณ การจัดหารายได้ การใช้จ่าย การบริหารการเงินการคลัง และการก่อหนี้ อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้

นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ตามหลักการรักษาเสถียรภาพและการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและหลักความเป็นธรรมในสังคม และต้องรักษาวินัยการเงินการคลังตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการเงินการคลังฯ และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด” โดยเฉพาะมาตรา 7 ที่ระบุว่า “การกู้เงิน การลงทุน การตรากฎหมาย การออกกฎ หรือการดำเนินการใด ๆ ของรัฐที่มีผลผูกพันทรัพย์สิน หรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย” และมาตรา 9 วรรคสาม ระบุด้วยว่า “คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว” ดังนั้น การที่รัฐบาลจะนำมาตรา 28 แห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาใช้ โดยจะมอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการแทนรัฐบาลในฐานะธนาคารของรัฐและเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยใช้เงินของธนาคารออมสินในวงเงิน 560,000 ล้านบาท และรัฐบาลจะรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายคืนให้ในภายหลัง ซึ่งการที่รัฐบาลจะมอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินการนั้น ต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และอยู่ในขอบเขตวัตถุประสงค์การจัดตั้งธนาคารออมสินตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net