Skip to main content
sharethis

พบการระบาดของเอชไอวีเพิ่มขึ้นใน LGBQI+ ผู้ใช้สารเสพติด พนักงานบริการ กลุ่มเยาวชน และประชากรข้ามชาติ ดังนั้น การส่งเสริมให้เครือข่ายชุมชนจัดการบริการเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ จะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยยุติปัญหาเอดส์ได้ตามเป้าหมายภายในปี 2573 ซึ่งปีนี้ โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ หรือ UNAIDS ชูคําขวัญ Let Communities Lead: ถึงเวลาให้ชุมชนนําทางมุ่งสู่การยุติเอดส์

28 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เครือข่ายชุมชนที่ทํางานเกี่ยวกับเอชไอวีจากทั่วประเทศ ได้รวมตัวกันแสดงพลังความมุ่งมั่นให้สังคมตระหนักถึงความสําคัญของชุมชนที่มีต่อระบบสาธารณสุข ซึ่งจะมีช่วยให้ประเทศไทยยุติปัญหาเอดส์ได้

โดยประเทศไทยเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นต้นแบบในระดับนานาชาติของการที่ผู้อยู่ร่วมกับเอชไอวีลุกขึ้นมาช่วยเหลือดูแลกันแบบ “กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน” ตั้งแต่ปี 2538 และได้รวมกันพัฒนาเป็นศูนย์องค์รวม ทำงานร่วมกับโรงพยาบาล โดยกลุ่มผู้ติดเชื้อฯ ได้พลิกบทบาทจาก ผู้รับบริการ มาเป็นผู้ร่วมจัดบริการ เคียงบ่าเคียงไหล่กับบุคลากรทางการแพทย์  จนปัจจุบัน มีกลุ่มที่ทํางานศูนย์องค์รวมทั้งหมด 219 กลุ่ม

สุรางค์ จันทร์แย้ม ประธานคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ) และผู้อํานวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ SWING

สุรางค์ จันทร์แย้ม ประธานคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ) และผู้อํานวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ SWING ระบุว่า ภาคชุมชนมีความพร้อมในการช่วยรัฐและหน่วยงานนาชาติยุติปัญหาเอดส์มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีการคิดค้นนวัตกรรมแก้ปัญหาเอดส์และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์เกิดขึ้นมากมาย จนเป็นพี่เลี้ยงให้กับองค์กรชุมชนในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีข้อกฎหมาย และนโยบายที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่ จึงต้องการเห็นความชัดเจนและการยอมรับให้ภาคชุมชน ประชาสังคม ถูกจัดอยู่ในโครงสร้างของระบบสุขภาพที่เป็นรูปธรรมและมีงบประมาณสนับสนุนให้เกิดการทำงานอย่างยั่งยืน

“ชุมชนบอกว่า เขาทำมานานแล้ว เขามีความพร้อมเต็มที่ ในการมุ่งไปข้างหน้าแล้ว สำหรับประเทศไทย Community Leadership แข็งแรงมาก แล้วก็เป็นแนวหน้าในเอเชียแปซิฟิก คิดว่าถ้าเราเปิดทางสนับสนุนชุมชนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นกฎระเบียบต่างๆ ถ้าเราสามารถคลี่ แล้วให้เขาทำงานเต็มศักยภาพ และสนับสนุนเงินทุนเพื่อให้ชุมชนดำเนินการ Community-led Health Services ได้เต็มที่ เขาก็จะช่วยคนที่ยังไม่เข้าถึงระบบบริการได้” พัชรา เบญจรัตนาภรณ์ ผู้อำนวยการ UNAIDS ประเทศไทยกล่าว

พัชรา เบญจรัตนาภรณ์ ผู้อำนวยการ UNAIDS ประเทศไทย

สำหรับการมีส่วนร่วมของชุมชนในการยุติปัญหาเอดส์ มีความสําคัญเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในประเทศไทย เนื่องจากพบว่าการระบาดของเอชไอวีเปลี่ยนรูปแบบและเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีความเปราะบาง ได้แก่ LGBQI+, ผู้ใช้สารเสพติด พนักงานบริการ และกลุ่มเยาวชน และประชากรข้ามชาติ ดังนั้นจุดแข็งของความเป็นชุมชนคือเข้าใจและเข้าถึงความต้องการ ปัญหาและอุปสรรคของประชากรกลุ่มนี้ที่เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเอชไอวี ผู้ที่เข้าถึงยาก ผู้ที่ยังมีความกลัว กังวลการตีตราเลือกปฏิบัติ จึงยังไม่เข้าสู่ระบบสุขภาพทั่วไป

นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ศาสตราจารย์เกียรติคุณและที่ปรึกษาอาวุโสด้านการวิจัยและนโยบาย สถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี ผู้ตรวจพบผู้ป่วยเอดส์คนแรกของประเทศไทยมีความหวังว่า ประเทศไทยยังคงสามารถยุติปัญหาเอดส์ได้ตามเป้าหมายใน 7 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน ถ้าผู้กําหนดนโยบาย ผู้บริหาร เพิ่มการลงทุนให้แก่องค์กรชุมชนอย่างเต็มที่ในเวลาที่เหลืออยู่และทุกภาคส่วนช่วยกับสนับสนุน แก้ไขนโยบาย กฎระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการทํางาน องคก์ร ภาคชุมชนมีพลังมากมายที่จะช่วยให้ประเทศไทยยุติเอดส์ได้จริง

นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ศาสตราจารย์เกียรติคุณและที่ปรึกษาอาวุโสด้านการวิจัยและนโยบาย สถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี

“ที่ผ่านมา  6 - 7 ปี เราเอาแต่กลุ่มเสี่ยง ชายรักชาย สาวประเภท 2 จะต้องรีบตรวจ เราก็สำเร็จตรงนั้น แต่เวลานี้ ประชาชนทั่วไป ซึ่งถูกหลงลืมเพราะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีอัตราการติดเชื้อ HIV เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก  เวลานี้ นโยบายต้องมุ่งไปสู่กลุ่มประชากรทั่วไป คนไทยทุกคนควรตรวจเอดส์อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต  ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมาก็ตาม เพราะว่า ตรวจไปแล้วครั้งที่ 1 เขาจะรู้เลยว่าเมื่อไหร่เขาควรจะตรวจซ้ำ

เคยพูดกับท่านอธิบดีกรมควบคุมโรค น่าจะให้ท่านนายกฯ พูดในวันเอดส์โลกเหมือนกับที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัก โอบามา พูดแล้วมีป้ายในสหรัฐอเมริกาว่า “know your result”

ท่านนายกฯ สามารถบอกว่า คนไทยทุกคนอย่างน้อยควรจะตรวจเอดส์ครั้งหนึ่งในชีวิต ตรวจฟรี เพื่อรักษาสุขภาพ ไม่ได้บอกว่า ตรวจเพื่อจะติดเชื้อ HIV หรือไม่ การตรวจเร็ว จะได้ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นเร็ว” นายแพทย์ประพันธ์กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net