Skip to main content
sharethis

ชาวพม่าจัดชุมนุมครบรอบ 3 ปี หลังรัฐประหารพม่าหน้า UN ประเทศไทย รำลึกผู้สูญเสีย และขอให้ไทยมีส่วนร่วมกับกระบวนการสันติภาพ เจรจากับกองกำลังชาติพันธุ์ และรัฐบาล NUG ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมช่วยเหลือชาวเมียนมา

 

1 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (1 ก.พ.) เวลาประมาณ 10.43 น. เป็นต้นมา ในวาระครบรอบ 3 ปี หลังการทำรัฐประหารของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพพม่า ประชาชนชาวเมียนมาในประเทศไทย รวมตัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCAP ถนนราชดำเนินนอก เพื่อชุมนุมรำลึกถึงผู๋สูญเสียจากสงครามกลางเมือง การปราบผู้ชุมนุมของกองทัพพม่า และเรียกร้องให้ไทยเข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการสร้างสันติภาพในประเทศเมียนมามากขึ้น

สุรัช กีรี แกนนำกลุ่ม Bright Future อายุ 39 ปี ผู้นัดหมายการชุมนุมครั้งนี้ เล่าให้ฟังว่า เป็นงานครบรอบ 3 ปีรัฐประหารของพม่า เรามาประชุมที่หน้า UN เพราะ UN เป็นองค์กรนานาชาติ เป็นที่ประชุมของนานาประเทศ เราต้องการสื่อสารให้โลกทราบว่า ชาวพม่าในไทยยังไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้กับกองทัพพม่า และเรามาแสดงออกรำลึกสูญเสียของประชาชน บ้านเรือน วัดวาอาราม ทั้งหมดเลย และก็สูญเสียความเป็นมนุษย์ของคน

สุรัช กีรี

สุรัช กล่าวว่า สถานการณ์ในพม่าตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนมาก อยู่กินลำบากมาก และอยากฝากกำลังใจให้กองกำลังชาติพันธุ์ในการต่อสู้กับกองทัพพม่าด้วย

"หลังจาก 3 ปี รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก เพราะทราบข่าวว่าเรายึดพื้นที่ได้เยอะขึ้น และอยากขอบคุณกองกำลังทุกกลุ่มที่จับอาวุธขึ้นสู้ด้วย ที่สู้เพื่อประชาธิปไตยของพม่า" แกนนำ Bright Future กล่าว

แกนนำ Bright Future กล่าวว่า คือนานาชาติหรือ UN ผมไม่ได้หวังอะไรมาก และอาเซียนไม่เคยช่วยประชาชน แต่ช่วยเผด็จการมาตลอด และรู้สึกว่า อาเซียน กับ UN ควรช่วยให้มากกว่านี้ 

แกนนำกลุ่ม Bright Future ระบุด้วยว่า เขาอยากเรียกร้องให้ประเทศไทยเจรจากับกลุ่มต่อต้านกองทัพพม่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ NUG หรือกองกำลังชาติพันธุ์ ในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และเข้าไปเป็นตัวกลาง มีส่วนร่วมกับการเจรจาการสร้างสันติภาพมากขึ้นกว่านี้

นอกจากนี้ สุรัช อยากให้ประเทศไทยดูแลเรื่องการทำบัตรอนุญาตทำงานของชาวพม่าไม่ว่าจะเป็นการลดขั้นตอนและลดค่าใช้จ่ายการทำบัตร ไปจนถึงการอำนวยความสะดวกการทำบัตรอนุญาตทำงานสีชมพู สำหรับคนที่ขัดขืนนโยบายเก็บรายได้ 2% จากแรงงานข้ามชาติที่เข้าไปยื่นเรื่องทำเอกสารสำคัญในสถานทูตพม่า 

ทั้งนี้ สำหรับนโยบายเก็บค่าธรรมเนียม 2% ของรายได้โดยเฉลี่ยต่อเดือน ของแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาที่เข้ามาทำงานในไทย ซึ่งอยู่ที่ 7,500 บาท โดยเริ่มมีการประกาศใช้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว (2566) โดยชาวเมียนมาที่ต้องการจะทำเรื่องเอกสารสำคัญที่สถานทูตเมียนมา ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 150 บาทต่อเดือน โดยสามารถแบ่งจ่ายราย 3 หรือ 6 เดือน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ตรงนี้ แรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาจะไม่สามารถทำเรื่องเอกสารสำคัญเช่นการต่ออายุ VISA ทำให้ช่วงที่ผ่านมาชาวพม่าบางคนออกมาต่อต้านการเก็บค่าธรรมเนียมนี้ เนื่องจากพวกเขากังวลว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ซื้ออาวุธปราบประชาชนในประเทศเมียนมา

นู มูฮัมหมัด ชาวโรฮีนจา อายุ 54 ปี มาร่วมการชุมนุมหน้า UNESCAP นู กล่าวว่า วันนี้เขาต้องการมาร่วมแสดงออกกับชาวพม่าในประเทศไทย เพราะโรฮีนจาเคยถูกกระทำย่ำยีนับสิบๆ ปี ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฆ่า ข่มขืน จนต้องหนีออกมานอกประเทศ กองทัพพม่าหลอกประชาชนว่า คนโรฮีนจาไม่ใช่พลเมืองของพม่า ทั้งๆ ที่เราเป็นพลเมืองของพม่าเหมือนกัน ควรได้รับสิทธิพลเมืองเหมือนชาวพม่า แต่เขาไม่ยอมรับ กลับถูกขัง ถูกทารุณกรรม และตอนนี้กองทัพพม่าไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แค่ชาวโรฮีนจาแล้ว แต่รวมประชาชนในประเทศทั้งกะเหรี่ยง มอญ กะเรนนี ทุกคนเป็นประชาชนในประเทศตัวเอง แต่กองทัพพม่าวันนี้ฆ่า ข่มขืน เผาบ้านเรือนประชาชน ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด ฆ่า และสู้รบกับประชาชน

นู มูฮัมหมัด

"รัฐบาลพม่าวันนี้สู้รบกับประชาชน ทำร้ายประชาชน ข่มขืนประชาชน อยากให้ศาลโลกดำเนินคดีกับกองทัพพม่า เพราะเขาฆ่าประชาชน" นู กล่าว และอยากให้นานาชาติช่วยเหลือประชาชนในพม่า

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมหน้า UN วันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาร่วมพลัดกันปราศรัย ร้องเพลง และตะโกนแสดงความไม่พอใจต่อกองทัพพม่าเป็นระยะๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.25 น. การชุมนุมยุติ และชาวพม่าทยอยแยกย้ายออกจากพื้นที่

รายละเอียดแถลงการณ์

ครบรอบ 3 ปี ต่อต้านรัฐประหาร เรายังต่อสู้อยู่และเราจะชนะ

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 ภายหลังประชาชนเมียนมาลงคะแนนเสียงให้กับพรรค National League for Democracy อย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งปีก่อนหน้า ฝ่ายกองทัพก็ออกมากล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วส่งกองกำลังทหารออกมาทำการรัฐประหารยึดอำนาจแต่งตั้งนายพลมินอ่องหล่าย และพรรคพวกขึ้นมาถืออำนาจเบ็ดเสร็จแทนที่ผู้แทนจากเสียงของประชาชน

ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา คนธรรมดาได้ร่วมกันต่อต้านรัฐประหารทั้งด้วยสันติวิธีและการประท้วงนัดหยุดงานทั่วประเทศ Civil Disobedience Movement หรือ CDN จนต่อมาเกิดรัฐบาลพลัดถิ่น National Unity Government of Myanmar หรือ NUG และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน People's Defense Force หรือ PDF ขึ้นมาเพื่อยกระดับการต่อต้านของพวกมินอ่องหล่าย ที่คุมขังนักโทษการเมืองกว่า 25,931 คน ใช้อาวุธปืนไปจนถึงการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ เข่นฆ่าประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 4,474 คน และก่อให้ต้องมีผู้ลี้ภัยนับไม่ถ้วน

เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปีการต่อต้านรัฐประหาร พวกเราขอส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย ด้วยความคาดหวังในคำมั่นสัญญาต่อหลักการประชาธิปไตยสากลดังนี้

1. ให้รัฐบาลไทยอนุญาตต่ออายุบัตรสีชมพู (Work Permit) สำหรับแรงงานเมียนมาที่ทำการดื้อแพ่งขัดขืนนโยบายภาษีหนังสือเดินทาง 2% ของรัฐบาลเผด็จการมินอ่องหล่ายซึ่งใช้กลไกสถานทูตเพื่อขูดรีดประชาชนเมียนมาในต่างประเทศและนำเงินไปทำสงคราม 

2. ให้รัฐบาลไทยเปิดช่องทางให้มีการต่ออายุบัตรสีชมพู (Work Permit) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์สัญชาติ หรือ CI (Certificate of Identity) อย่างซ้ำซ้อน 

3. ให้รัฐบาลไทยสนับสนุนประธานอาเซียนในการเร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามชายแดนเมียนมาทั้งหมด โดยให้กำหนดเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นกลาง และปราศจากปฏิบัติการทางทหาร (Humanitarian Corridor) รวมถึงจัดหาสถานที่พักพิงสำหรับผู้พลัดถิ่นด้วย

4. ให้รัฐบาลไทยร่วมมือกับรัฐบาลพลัดถิ่น National Unity Government of Myanmar หรือ NUG และกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในการช่วยเหลือภารกิจด้านมนุษยธรรม

5. ให้รัฐบาลไทยทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานในการสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในเมียนมา

ภาพบรรยากาศ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net