เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 มกราคม 2549 ที่ชุมชนบ้านแหลมป้อม อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินและสัญชาติในพื้นที่ประสบภัยธรณีพิบัติ นำโดยนาย
ที่ประชุม มีการนำเสนอทางออกของกรณีพิพาทดังกล่าว เพื่อให้ทางกระทรวงมหาดไทยนำไปเจรจากับทางบริษัทฟาร์อีสต์ คอนสตรัคชั่น จำกัด หลายรูปแบบ โดยนายพีรพลเสนอว่า ถ้าจัดบริเวณที่อยู่อาศัยในแปลงเดียวกัน แล้วมีพื้นที่ส่วนกลางในการประกอบอาชีพร่วมกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อรองขอที่ดินจากบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้ถือเอกสารสิทธิ์แปลงนี้อยู่มากเกินไปจะได้หรือไม่ รวมทั้งเสนอให้ชาวบ้านโยกย้ายที่อยู่ที่ทำกินไปอยู่ในที่ดินจุดใดจุดหนึ่ง ให้เป็นกลุ่มก้อนไม่กระจัดกระจาย เพื่อให้บริษัทฯ รู้สึกมีโอกาสใช้พื้นที่ทำประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การเจรจามีความเป็นไปได้มากขึ้นจะได้หรือไม่ เป็นต้น
ขณะที่ทางกลุ่มชาวบ้านยังคงยืนยันจะขออยู่ในที่ดินเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทฯ เคยรับปากขณะไกล่เกลี่ยต่อหน้าศาลจังหวัดตะกั่วป่าว่า จะตัดแบ่งที่ดินส่วนนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ
ในที่สุด ที่ประชุมมีมติให้ทางกระทรวงมหาดไทย นำแนวทางที่เคยมีการไกล่เกลี่ยต่อหน้าศาลจังหวัดตะกั่วป่า ไปเป็นข้อเสนอของฝ่ายชาวบ้าน ในการเจรจากับทางบริษัท ฟาร์อีสต์ คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยให้ชาวบ้านจัดทำข้อมูลและรายละเอียดข้อเสนอ มอบให้กับนายพีรพล ภายในวันที่ 9 มกราคม 2549
ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านจากชุมชนสามัคคี หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะแก้ว อำเภอรัษฎา จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถูกนาย
ต่อมาเวลา 14.30 น. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินและสัญชาติในพื้นที่ประสบภัยธรณีพิบัติชุดเดียวกัน เดินทางไปประชุมชาวบ้านบ้านในไร่ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งมีกรณีพิพาทที่ดินกับนายสมเกียรติ โดยที่ประชุมรับจะดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนกรณีพิพาท 40 ราย ในที่ดินพื้นที่กลางชุมชนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน พร้อมกับตั้งคณะทำงาน 4 คน ประกอบด้วย ปลัดอำเภอท้ายเหมือง, ตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน, ผู้ใหญ่บ้าน, ตัวแทนชาวบ้าน ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน
ในส่วนของผู้ที่อยู่อาศัยกระจัดกระจายในที่ดินพิพาทแปลงนี้ เนื่องจากมีการออกเอกสารสิทธิ์ครอบคลุมทับที่ดินทั้งชุมชน ยกเว้น กุโบร์ (ที่ฝังศพชาวมุสลิม) มัสยิด และโรงเรียน ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านถูกนายสมเกียรติฟ้องร้องประมาณ 140 คนนั้น ให้สำรวจข้อมูลรายละเอียด เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านกลุ่มนี้ หลังจากแก้ปัญหาให้กับ 40 รายแรกแล้วเสร็จ
ส่วนกรณีพิพาทบริเวณขุมเหมือง ซึ่งชาวบ้านใช้ประโยชน์การจับสัตว์น้ำ และเลี้ยงปลาในกระชัง ทางกรมที่ดินจะตรวจสอบหลักฐานของขุมเหมืองว่า เป็นที่สาธารณะ หรือเป็นขุมเหมืองในที่ดินเอกสารสิทธิ์ของเอกชน ถ้าเป็นขุมเหมืองของเอกชน ทางกระทรวงมหาดไทยรับจะไปเจรจากับนายสมเกียรติ เจ้าของเอกสารสิทธิ์ ให้ชาวบ้านได้เข้าไปทำประโยชน์ในขุมเหมืองด้วย
สำหรับที่ดินเอกสารสิทธิ์ในป่าชายเลน นาย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)