27 มิ.ย. 2549 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวในการปาฐกถาเรื่อง SML กับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ระบุสาเหตุที่ถูกกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการทำงาน เพราะมีแนวคิดที่จะพัฒนาประเทศให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันเร็วเกินไปจนสังคมยอมรับไม่ได้ และไปขัดขวางผลประโยชน์ของคนอื่น

"เปลี่ยนแปลงมากก็ไม่ดีเหมือนผม ที่มีเรื่องทุกวันนี้ เพราะเปลี่ยนมากเปลี่ยนเร็วไป ไปเหยียบหัวแม่เท้าคนก็เยอะ ไปขัดผลประโยชน์คนก็เยอะ เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตจึงจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาให้เท่าทัน โดยการมองอย่างรอบด้านในทุกมิติเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนโดยยึดหลักของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพราะคนไทยอีกมากเริ่มต้นชีวิตที่ติดลบ

"ผมเชื่อว่าถ้าเราเคลื่อนประเทศในระดับนี้ไปอีก 6-7 ปี ประเทศเราจะพ้นจากสิ่งที่แย่ๆ อยู่ในขณะนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

 พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะมีงบประมาณรายจ่ายประจำปีสูงถึง1.4 ล้านล้านบาทแล้ว แต่ยังไม่พอเพียงกับการแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานาน โดยเฉพาะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาส่งผลให้ความสามารถในการบริโภคและกำลังซื้อของประชาชนลดลง ประกอบกับขณะนี้มีปัญหาราคาน้ำมันแพงยิ่งทำให้กำลังซื้อลดลงไปอีก

"จริงๆ แล้วเราต้องการงบประมาณมากกว่านี้ แต่ถ้าเราไปใช้งบประมาณมากเกินไปจะมีปัญหาหนี้สิน รัฐบาลจึงต้องพยายามมองภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาครักษาวินัยให้ดี และตัดสินใจเพื่อสร้างสมดุลย์"

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้แปลกที่สุดในโลกเพราะไม่มีประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ไหนที่ยุบสภาแล้วต้องว่างเว้นสภาเกือบหนึ่งปีเต็ม และคนที่มีหน้าที่ไม่ยอมทำตามที่รับผิดชอบอยู่

"อย่าไปคิดว่ามันอึมครึม คิดว่าทุกคนมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป...ถ้าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดด้วยสติปัญญาและจริยธรรม บ้านเมืองก็ไม่มีปัญหาวุ่นวายหรอก แต่วันนี้หลายคนไม่รู้หน้าที่ตัวเองแล้วยังไปยุ่งกับหน้าที่คนอื่นอีก" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com