Skip to main content
sharethis

ประชาไท -7 ก.ค.2549      ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งลงวันที่ 4 ก.ย. 2549 รับคำฟ้องกรณีมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค เป็นโจทก์ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน นำโดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิฯ และน.ส.รสนา โตสิตระกูล ว่าที่ส.ว.กทม. ที่ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี (ครม.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และนายวิเศษ จูภิบาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวม 3 คน


 


โดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฏ.) กำหนดอำนาจสิทธิประโยชน์ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และพ.ร.ฏ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมาย ว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544 ศาลกำหนดให้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ.47/2549 และมีคำสั่งลงวันที่ 6 ก.ย.2549 ให้ คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน จัดทำคำให้การแก้คำฟ้องยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดแล้ว


         


คำสั่งดังกล่าวได้ระบุอีกว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว ขอให้ผู้เกี่ยวข้องพึงงดเว้น และระมัดระวังการแสดงความคิดเห็น การนำเสนอข่าวหรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะเป็นการชี้นำ การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอันอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือดูหมิ่นศาลหรือตุลาการ


         


น.ส.สารี กล่าวว่า มูลนิธิฯ จะเตรียมข้อมูลเพิ่มเติม เพราะคำฟ้องที่ยื่นไปนั้นเสนอในประเด็นหลักการ แต่ยังขาดรายละเอียด รวมทั้งจะขอดูคำให้การของการแก้คำฟ้องของครม. นายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่ส่งให้ศาลปกครองสูงสุดว่า จะมีคำคัดค้านหรือแย้งในประเด็นใดหรือไม่


 


"รู้สึกขอบคุณที่ศาลรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณา และขณะนี้ไม่อยากให้ทางฝ่ายรัฐบาลออกมาพูดในลักษณะว่า หากจะมีการนำปตท.กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น รัฐจะต้องสูญเงินงบประมาณในการซื้อคืนจำนวนมาก ควรจะรอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดก่อนว่าจะออกมาอย่างไร เพราะถ้าออกมาแล้วทุกฝ่ายก็จะต้องปฏิบัติตาม ใครที่เป็นคนผิดก็จะต้องรับผิดชอบ"


 


น.ส.รสนา กล่าว่า เรื่องนี้ขั้นตอนยังอยู่ในกระบวนการของศาล ดังนั้นควรที่จะรอฟังคำพิจารณาของศาล โดยหลังจากนี้ตนได้รับการประสานจากรายการโทรทัศน์ และสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงถึงข้อมูลในการแปรรูปปตท. ซึ่งอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีข้อมูลนำข้อมูลมายันกันว่า ฐานะปตท.ควรอยู่ตรงไหนระหว่างรัฐวิสาหกิจและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนจะต้องรับมากที่สุด


 


"การซื้อหุ้นคืนรัฐบาลต้องซื้อคืนอย่างแน่นอน แต่ต้องซื้อในราคาพาร์ เพราะที่ผ่านมา 4-5 ปีผู้ถือหุ้นได้กำไรไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาตกลงกัน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ การที่จะให้รัฐบาลควักเงินออกจากกระเป๋า ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ไปซื้อหุ้นในราคาตลาด ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น ก่อนจะถึงกระบวนการดังกล่าว เราควรเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนดีกว่า"รสนากล่าว


น.ส.รสนา กล่าวเพิ่มเติมว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในอนาคตน่าจะมีกฎหมายที่ควรเอาผิดกับผู้นำ และผู้ที่ใช้อำนาจทางกฎหมายดำเนินการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน โดยเฉพาะนักการเมืองที่ชอบรับผลประโยชน์ แต่ไม่มีความรับผิดชอบ


         


ขณะที่นายทนง พิทยะ รักษาการ รมว.คลัง ให้ความเห็นกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทำหนังสือถึงศาลปกครองสูงสุดเพื่อชี้แจงผลกระทบถ้าหากศาลจะเพิกถอนหุ้นปตท. ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้มูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ลดลงถึง 6 แสนล้านบาท ว่า คงไม่เป็นการชี้นำศาลแต่อย่างใด เป็นเพียงการชี้แจงผลกระทบที่เกิดขึ้นเท่านั้น พร้อมยืนยันการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต้องเดินหน้าต่อไป แต่ต้องดำเนินการคำสั่งของศาลและตามขั้นตอนอย่างถูกต้องโปร่งใส


         


 


-------------------


ที่มา  : เว็บไซต์ผู้จัดการ


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net