"..ในวัฒนธรรมภาษาของชาติและมหาชนหนึ่งๆ การพูดเขียนสะกด "ผิด" ไวยากรณ์หรือเสียงย่อมมีแน่ๆ และการถกเถียงเรื่องนี้ระหว่างบัณฑิตภาษากับสังคมก็ย่อมมีไปเรื่อยๆ เป็นธรรมดา สิ่งที่พึงทำคือปล่อยเสรีให้การสนทนาระหว่างเราไม่ว่าบัณฑิตภาษาหรือสามัญชนดำเนินไปอย่างเปิดปลายเรื่อยๆ อย่าแทนที่มันด้วยคำสั่งบงการจากบัณฑิตภาษาเลย.."
ป้ายนี้ทำขึ้นโดยคนที่รักในหลวง ไม่เกียวกับการเมือง เพียงมีข้อสังเกตว่า
" ถ้าคนที่รักในหลวง ไม่สามารถแสดงออกว่ารักในหลวง วันนั้นคือวันที่ มารครองเมือง "
“เพื่อให้สังคมไทยเดินไปข้างหน้า เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ต่อหน้าเราได้ ถ้าเราต้องการการปรองดอง ที่สมานฉันท์อย่างแท้จริง อย่างน้อยรัฐธรรมนูญต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ สถาบันการเมือง สถาบันศาล และกองทัพ..”
"พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่ากับฝ่ายไหน ใครเริ่มก่อนหลัง
ทุกครั้งที่ผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน หลีกเลี่ยงการปะทะ-ตีกันได้ยาก ปรากฎการณ์นี้มันบอกว่า ความขัดแย้งมันลึกซึ้งขนาดไหน และรูปที่ถืออยู่ในมือ ไม่มีความหมายอะไรแล้ว
ทางหลีก คือ อย่าไปเผชิญหน้ากัน แต่ทำไม่ได้นานหรือตลอดไปหรอก เมื่อถึงจุดหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมที่จะลุกออกมาเผชิญหน้ากันอีก
นี่คือ สภาวะที่เรากำลังเจอจริงๆ"
" ไอ้วัฒนธรรม ชมๆ กันเอง ทั้งๆ ที่ สิ่งทีเกิดขึนในวงวิชาการมันห่วยขนาดไหน แบบนี้นี่แหละ เห็นกันจนเบื่อ ในวงวิชาการไทย แม้แต่ในวงทีอ้างว่า "ประชาธิปไตย" หรือ "รุ่นใหม่"
การต่อสู้ครั้งนี้ จะต้องเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย..
"ผมกับคุณสุเทพยืนยันกับพี่น้องอีกครั้งครับ จะโทษติดคุก หรือโทษประหาร ถ้าพวกผมผิดจริง ผมยอมรับที่จะรับโทษนั้น ถ้าพวกผมผิดจริง เอาพวกผมไปลงโทษ จะอย่างไรก็ไม่ต้องมาต่อรองเรื่องนิรโทษกรรม เพราะคนผิดต้องรับผิด บ้านเมืองจึงจะอยู่ได้ เราถึงจะเดินไปข้างหน้ากันได้ และความปรองดองจึงจะเกิดขึ้น"
ตอนนี้ นายธาริต เดินไปไหนก็ถูกคนเกลียดหมดไม่ว่าฝ่ายไหน วันนี้ต่างคนต่างผิดแล้วกองเชียร์จะเอายังไง จะให้ดีเอสไอบอกว่าเสื้อแดงผิดหมด ฝ่ายบริหารไม่ผิดเลย ส่วนกองเชียร์ ฝ่ายบริหารก็บอกว่า แดงผิดหมด ฝ่ายบริหารไม่ผิด ส่วนฝ่ายแดงบอกว่าฝ่ายบริหารที่มี นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ผิดหมด แดงไม่ผิด มันไม่ใช่ บ้านเมืองไม่ใช่อย่างนั้น เหตุที่เกิดขึ้นมันต่างคนต่างผิดคนละบริบท ซึ่งเวลา 2 ปี เมื่อทำให้ข้อเท็จจริงนิ่งก่อน ศาลไต่สวนกรณีนายพัน คำกอง เสียชีวิตออกมาแล้ว คดีนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ กำลังจะเป็นคดีที่หนึ่ง
"อย่าถือว่าเราเป็นความจริงที่เป็นจริงที่สุด แต่เราเป็นความจริงที่เชื่อถือได้"
คนดีจะมีพื้นที่ยืนมาก คนไม่ดีก็มีพื้นที่ยืนเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะสร้างคนดีให้ยืนอยู่บนสังคมไทยอย่างหนาแน่นเต็มบ้าน เต็มเมือง เพื่อเบียดคนไม่ดีให้ไม่มีพื้นที่ยืนอีกต่อไป
"แบบเกรียนภาษา" เป็นปรากฏการณ์ในเฟซบุกไทยที่น่าติดตามอย่างยิ่งในขณะนี้....ถ้าผู้เล่นเฟซบุกส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุน้อย และอาศัยในเขตเมือง นี่แสดงให้เห็นว่า ภาษาเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาตื่นตัวกับภาษาอย่างยิ่ง เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาษาแบบอนุรักษ์ แต่ให้ความสำคัญกับการทำให้ภาษามีวิวัฒนาการ มีการสร้างสรรค์
ไม่คิดว่าภาษาจะวิบัติได้จริง เพราะภาษาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจะมีอายุยืนยาวกว่า นักภาษาศาสตร์สมัยใหม่มองว่าภาษาวิบัติคือการวิวัฒนาการของภาษา จริงๆ น่าจะเรียกว่าภาษาวิวัฒน์มากกว่าด้วยซ้ำ คือมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงให้อยู่รอดได้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อมหรือความวิบัติ
"ความสำเร็จของการต่อสู้ด้วยรุนแรงลดลงจาก 40 เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จของการต่อสู้ด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงในโลกเพิ่มขึ้นจาก 40 เป็น 70 เปอร์เซ็นต์"
เหมือนเป็นทีมฟุตบอล ผมเป็นผู้จัดการทีม ปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นโค้ชและมีผู้เล่น เมื่อผู้เล่นเล่นไม่ดีก็เปลี่ยนตัวไปพักก่อน
ไม่ควรจะมีเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารกันอีก แต่ขณะเดียวกันคนที่เป็นนักการเมืองต้องมีคุณธรรม และอย่าทำลายระบบ
เอกสารดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารลับ แต่อยากให้สื่อระมัดระวังในการนำเสนอในสิ่งที่จะทำให้เป็นเรื่อง แต่ถ้าอยากให้เป็นเรื่องก็เอาออกมาเยอะๆไม่เป็นไร
สไนเปอร์อะไร ใครใช้สไนเปอร์ เรียกสไนเปอร์ที่ไหน แล้วสไนเปอร์เขาเป็นใครรู้ไหม อันนั้นผมคิดว่าในรูปเป็นทหารที่เขาติดกล้องเฉยๆ และกล้องตัวนั้นไม่ใช่สไนเปอร์ และปืนตัวนั้นก็ไม่ใช่แบบสไนเปอร์
เป็นการผสานระหว่างจินตนาการ และงานศิลปะเข้าด้วยกัน ไม่ได้มองว่าเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ผมตั้งใจจะใส่สีแดง เพื่อที่จะบอกกับคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนเสื้อแดงว่า วันนี้ถ้าคุณอยากใส่เสื้อสีแดง แล้วบอกสีแดงเป็นอุดมการณ์ คุณต้องใส่เฉพาะแบบนี้ ที่เขียนว่า หยุดปรองดองจอมปลอม ล้างผิดคนโกง
ภาคประชาชนเราจะได้ชัยชนะเล็กๆ แต่เสียในเรื่องใหญ่ๆ เสมอ