Skip to main content
sharethis

เว็บไซต์ กกต. เผยแพร่คำวินิจฉัย ชงศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และรับสมัครเลือกตั้ง ไปจนถึงดำเนินคดีอาญา สมชาย ภิญโญ สส. โคราช เขต 6 พรรคภูมิใจไทย ฐานปราศรัยหาเสียงสัญญาว่าถ้าได้เป็น สส. จะพา อสม.ไปเที่ยวเมืองกาญจน์ 

 

20 ม.ค. 2567 เว็บไซต์ 'มติชนออนไลน์' รายงานวันนี้ (19 ม.ค.) เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ให้ส่งศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของ นายสมชาย ภิญโญ ผู้สมัคร สส.นครราชสีมา เขต 6 พรรคภูมิใจไทย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา138 วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญา ตาม 141 ประกอบมาตรา 158 ของกฎหมายเดียวกัน

สมชาย ภิญโญ (ที่มา: FB สมชาย ภิญโญ)

ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า วันที่ 7 เมษายน 2566 เวลากลางวัน สมชาย ผู้ถูกร้อง ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ศาลาประชาคม บ้านหนองตาด หมู่ที่ 2 ต.หนองตาดใหญ่ อ.สีดา จ.นครราชสีมา โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ โดยสมชาย ได้ปราศรัยด้วยถ้อยคำว่า "เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเพิ่งงาน จะพา อสม.ไปล่องแพกาญจน์ ร้องเพลง" ตามที่ ปรากฏในคลิปบันทึกเสียงประกอบคำร้อง ซึ่งเห็นว่าถ้อยคำดังกล่าวมีความหมายทำนองว่า เมื่อสมชาย ได้เป็น สส.จะมีงบประมาณศึกษาดูงาน จะพาอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้านไปล่องแพ และร้องเพลงที่ จ.กาญจนบุรี แม้สมชาย จะอ้างว่าถ้อยคำดังกล่าวหมายถึง หากมีงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย และเป็นงบประมาณจากทางรัฐบาล จะนำงบประมาณดังกล่าวมาช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้คนในชุมชนได้ไปเพิ่มพูนความรู้ และพัฒนาศักยภาพโดยนำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนาชุมชนของตนเอง แต่เหตุผลดังกล่าวไม่สอดคล้องกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ว่า ชุมชนดี แหล่งท่องเที่ยวดี และผู้ประกอบการดี ด้วยกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งนโยบายดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทย มีลักษณะเป็นการสนับสนุนชุมชนโดยให้แต่ละจังหวัดปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพชุมชนในจังหวัดของตนเอง มิใช่การนำงบประมาณดังกล่าวมาใช้เพื่อนำอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและประชาชนในชุมชน ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดอื่น อีกทั้งถ้อยคำว่า "จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง" มิใช่การส่งเสริม ศักยภาพงานในหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านประกอบกับจากการตรวจสอบคลิผบันทึกเสียงประกอบคำร้อง ปรากฏว่านานสมชาย กล่าวถ้อยคำว่า "เว้าแฮงบ่ได้ เดี๋ยวจิอัดวิดีโอ" ซึ่งมีความหมายทำนองว่า พูดเสียงดังไม่ได้ เดี๋ยวจะอัดวิดีโอ ต่อจากคำว่า "เดี๋ยวผมได้เป็น สส. มีงบไปเบิ้งงาน จะพา อสม. ไปล่องแพกาญ ร้องเพลง" แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่สุจริตของนายสมชายในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว

กรณี จึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า การปราศรัยหาเสียงของนายสมชายดังกล่าว ซึ่งเป็นการสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณ เป็นเงินได้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจ ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561มาตรา 73 (1) ประกอบ มาตรา 138วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งส.ส.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายสมชายมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

ทั้งนี้ สมชาย ไม่ใช่ผู้สมัคร สส.จากพรรคภูมิใจไทยรายแรกที่โดนเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้ชงศาลฎีกา เพิกถอนสิทธิลงเลือกตั้ง มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.พรรคภูมิใจไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 8 ฐานความผิด แจกเงินให้ประชาชนไปลงคะแนนเสียง และฟังปราศรัย และจัดเลือกตั้งใหม่โดยให้มุกดาวรรณ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย  

ขณะที่เว็บไซต์ 'ทูเดย์' เผยแพร่ผลการเลือกตั้ง ปี 2566 ตัวของ สมชาย ภิญโญ สอบตกเลือกตั้ง สส.เขต 6 นครราชสีมา เข้าป้ายเป็นอันดับที่ 4 ด้วยคะแนน 13,126 คะแนน ห่างจากอันดับ 1 โกศล ปัทมะ สส.จากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียง 32,136 คะแนน

อนึ่ง สำหรับใบแดง และใบดำ ของ กกตง มีความหมายอย่างไรนั้น ไทยพีบีเอส ระบุว่า สำหรับโทษของ กกต. มีด้วยกันทั้งหมด 4 ระดับ ได้แก่ เหลือง ส้ม แดง และดำ

ใบเหลือง

คือ อำนาจการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่พบชัดเจนว่ามีผู้ใดกระทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

ช่วงแรก ก่อนหรือในวันเลือกตั้ง เมื่อ กกต. สืบสวนหรือไต่สวนแล้วหรือพบเห็นการกระทำที่มีเหตุอันควรสงสัย หรือ กกต. แต่ละคนพบเห็นการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้ง มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมหรือเป็นไปมิชอบด้วยกฎหมาย กกต. หรือกรรมการมีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้

ช่วงที่สอง เมื่อประกาศผลการเลือกตั้ง แล้วปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม แต่ไม่ได้ความชัดว่าเป็นการกระทำของผู้ได้รับเลือกตั้งให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณา ในกรณีที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่สำหรับเขตเลือกตั้งนั้น

ใบส้ม

เป็นการให้อำนาจ กกต. ดึงผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามออกจากการเลือกตั้งชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามายุ่งเหยิงกับการเลือกตั้งครั้งนั้น หรือการเลือกตั้งใหม่ที่จะจัดขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ

ช่วงแรก ก่อนวันเลือกตั้ง หาก กกต. ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้ถอนชื่อผู้นั้นออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัคร

ช่วงที่สอง ถ้า กกต. สืบสวนหรือไต่สวนแล้วเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครกระทำการหรือก่อให้บุคคลอื่นกระทำ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าวหรือรู้ว่ามีการกระทำแล้วแต่ไม่ดำเนินการระงับการกระทำนั้นให้ กกต. สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครนั้นเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และในกรณีที่ผู้สมัครนั้นได้คะแนนอยู่ในลำดับที่จะได้รับเลือกตั้ง ให้ กกต. สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่

ใบแดง

หลังจากประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น

หากกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าบุคคลกระทำความผิดตามที่ถูกร้อง ศาลฎีกาจะสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร รับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลา 10 ปี และหากการที่ต้องสั่งเช่นนั้นทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ศาลจะต้องสั่งให้ผู้นั้นต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้มีคำสั่งเช่นว่านั้นด้วย

ใบดำ

หลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้า กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้ใดกระทำการทุจริตเลือกตั้งหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นไม่มีกำหนด เสมือนกับ โทษประหารชีวิตทางการเมือง ถ้าผู้สมัครคนไหนได้ ใบดำ จะไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตลอดไป
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net