ประชาไท - 11 ต.ค. 2549 เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น.ตัวแทนกลุ่มประสานงานรณรงค์ยุติโทษประหารชีวิต หรือ TCADP ประมาณ 20 คน นำโดย น.ส.
จดหมายเปิดผนึกระบุด้วยว่า การลงโทษประหารชีวิตนั้นมาจากความเชื่อว่าสามารถจะลดปัญหาและป้องปรามอาชญากรรมได้ ทั้งที่ข้อพิสูจน์ในประเด็นนี้ไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน
"ทางกลุ่มจึงเห็นว่าปัญหาอาชญากรรมมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น การแก้ปัญหาอาชญากรรมต้องแก้ที่ต้นเหตุและต้องแก้โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่เลือกปฎิบัติ และไม่ยอมให้ผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นสามารถลอยนวลอยู่ได้ในสังคม โดยให้นำการลงโทษจำคุกตลอดชีวิต มาสำเร็จโทษต่ออาชญากรรมร้ายแรงทุกประเภทแทนการลงโทษประหารชีวิต"
นายสมศรี กล่าวว่า เราจะผลักดันให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ยกเลิกการทรมานผู้ต้องหา โดยจะผลักดันให้แก้กฎหมาย ซึ่งเราพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างกฎหมายนี้ แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแต่เราจะไม่ปล่อยให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้าไปมีบทบาทในการกำหนดกติกาสังคมโดยไม่ฟังเสียงประชาชน
นอกจากนี้ ยังต้องการให้ยกเลิกกฎอัยการศึกอีกด้วย เพราะการใช้กติกานี้ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะสื่อมวลชนหลายแขนงถึงกับต้องเซ็นเซอร์ตัวเอง ทำให้ทุกฝ่ายในสังคมรู้สึกอึดอัด รัฐบาลนี้ควรปล่อยให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นไปตามครรลองที่ควรจะเป็น
ด้านนาย
"เราไม่เชื่อว่าการลงโทษประหารชีวิตจะทำให้การก่ออาชญากรรมลดน้อยลง และไม่เชื่อว่าเลือดจะล้างด้วยเลือด เพียงแค่การจำคุกตลอดชีวิตก็น่าจะเพียงพอแล้ว"นายอนุชา กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)