Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 10 ธ.ค. 2549 เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. เวลา 9.30น. ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ นายวสันต์ พานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวในพิธีมอบรางวัลบุคคลและองค์กรที่มีผลงานด้านสิทธิมนุษยชนดีเด่น ประจำปี 2549 ว่า แม้ประเทศไทยจะรับรองสิทธิมนุษยชนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองโดยตราไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฏิบัติ การทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน เช่น การปกป้องสิทธิชุมชนเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปกป้องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม การปกป้องสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการชุมนุมโดยสงบ การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น กลับก่อให้เกิดภยันตรายต่อผู้ที่ทำหน้าในการปกป้องสิทธิมนุษยชน


 


นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนจำนวนมากยังต้องเผชิญกับการถูกคุกคาม ข่มขู่ ทำร้าย บางรายถึงกับเสียชีวิตหรือสูญหายไป แต่พวกเขาก็ไม่ท้อถอย แม้ตนเองและครอบครัวจะต้องตกอยู่ในภาวะลำบากในการทำหน้าที่พิทักษ์และปกป้องสิทธิ


 


คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มีหน้าที่หลักสำคัญคือ การส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน จึงเห็นสมควรยกย่อง เชิดชู และประกาศเกียรติคุณผู้ที่อุทิศตนเพื่อแผ่นดินเหล่านี้ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีในสังคมสืบไป


 


โดยผลการคัดเลือกผู้มีผลงานด้านสิทธิมนุษยชนดีเด่น ประจำปี 2549 ได้พิจารณาตัดสิน ดังนี้


 


ผู้ที่มีผลงานดีเด่นชาย คือ นายบรรจง นะแส ผู้ที่มีผลงานด้านการส่งเสริมและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ประมงพื้นบ้านภาคใต้ การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งและพิทักษ์สิทธิของชุมชนชาวประมง


 


ผู้ที่มีผลงานดีเด่นหญิง คือ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ผู้ที่มีผลงานด้านการรณรงค์การคุ้มครองปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคในทุกด้าน


 


องค์กรภาคเอกชนดีเด่น คือ มูลนิธิส่งเสริมโอกาสผู้หญิง (Empower Foundation) เป็นองค์กรที่ส่งเสริมโอกาสความเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ที่มีอาชีพบริการ


 


ส่วนองค์กรภาคราชการดีเด่น ยังไม่มีหน่วยงานใดเหมาะสมได้รับรางวัล


 


อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอประกาศเกียรติคุณว่า สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสิทธิของประชาชนและชุมชน


 


 


สารี อ๋องสมหวัง


ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค


 


ภาพจาก www.consumerthai.org


 


"ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่คณะกรรมการพิจารณามอบรางวัลในฐานะผู้พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคให้ รู้สึกดีใจ แต่รางวัลนี้มีผู้มีส่วนร่วมหลายคน เชื่อว่าพวกเขาคือคนที่ได้รับรางวัลเช่นกัน ขบวนการพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ประเทศไทยเรากำลังอยู่ในโลกาภิวัตน์ ในแง่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น การบริโภคที่สุดขีด ปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร เชื่อว่ารางวัลนี้จะเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ในการเริ่มต้นสิ่งเล็กๆ ที่ดี ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในโลกเกิดจากคนเล็กคนน้อย


 


ในฐานะที่ทำงานคุ้มครองผู้บริโภคไม่ได้คิดเพียงแค่จะให้คนซื้อของ 10 บาทแล้วได้ของ 10 บาท แต่เชื่อว่าคุณซื้อของ 10 บาท คุณจะได้ของแค่ 8 บาทเท่านั้นเอง 2บาทอาจจะให้คุณบุญยืน (ศิริธรรม) ที่สมุทรสงคราม หรือ 2 บาทอาจให้คนที่แม่เมาะ เพราะเขามีส่วนในการดูแลเรา หรือให้พี่น้องแรงงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือให้โรงงานที่เขาไม่ปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ


 


เพราะฉะนั้น เราเชื่อว่าการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคไม่ใช่ซื้อของ 10 บาทแล้วได้ของ 10 บาท แต่ว่าสุดท้ายจริงๆ เป้าหมายสูงสุดของการคุ้มครองผู้บริโภคก็อยากจะเห็นว่า เราเป็นได้มากกว่าผู้บริโภค เป็นได้มากกว่าผู้ใช้ ผู้ซื้ออย่างเดียว ก็ขอขอบคุณ รางวัลนี้จะเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง กับหลายๆคน หลายๆ คนอาจจะต่อสู้มากกว่าเราด้วยซ้ำไป เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้เกิดขึ้นจากการที่เราเองลุกขึ้นมา ช่วยกัน ต้องขอบคุณคนที่มีส่วนร่วมช่วยในแง่การทำงานพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคทุกคน เชื่อว่าเส้นทางยังอีกยาวไกล และการทำงานเชื่อว่าเราไม่ได้เป็นแค่ผู้บริโภคอย่างเดียว แต่เราเป็นได้มากกว่าผู้บริโภค"


 


 


บรรจง นะแส


เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้)


 


ภาพจาก www.thaingo.org


 


"ถ้าจะให้พูดความในใจกันจริงๆ แล้ว ก็รู้สึกว่างานนี้เป็นการสนับสนุนลัทธิวีรชนมากไปหน่อย เป็นความรู้สึกแปลกๆ แต่ความในใจที่อยากจะพูดส่วนหนึ่งก็ต้องกราบขอบพระคุณหลายๆ ท่านในห้องนี้ที่ทำงานมามากกว่าผม อาวุโสกว่าก็มี ก็เคารพนับถือในน้ำใจท่าน ประเด็นสุดท้าย เชื่อว่า ในห้องนี้ 90% ชอบอาหารซีฟู้ด กุ้ง หอย  ปู ปลาที่สดๆ จากทะเลแน่นอน


 


20 กว่าปีที่ผ่านมาที่ผมอยู่กับประมงพื้นบ้านในภาคใต้ หรือหลายที่ในประเทศไทย มีความเชื่อมั่นว่าศักยภาพของประเทศเรา ที่มีชายฝั่งยาวจากอันดามัน อ่าวไทย 2,600 กว่ากิโลเมตร มีจังหวัดที่ติดทะเล 22 จังหวัด อยู่ในเขตศูนย์สูตรซึ่งมีความหลากหลายทางพันธุ์สัตว์น้ำสูงที่สุดในโลก เคยเป็นประเทศที่ส่งอาหารทะเลออกอันดับ 1 ของโลก


 


แต่วันนี้คนจับปลาไม่มีปลาจะกิน พี่น้องทางอีสานเป็นโรคขาดสารอาหาร มันเกิดอะไรขึ้น 20 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่า ถ้าเรามีการจัดการทรัพยากรชายฝั่งให้ดี ผมรับประกันไม่เกิน 6 เดือน คนไทยเราจะได้กินอาหารซีฟู้ดราคาถูก เด็กของเราจะไม่มีทางเป็นโรคขาดสารอาหารเด็ดขาด


 


ที่เชื่ออย่างนี้เพราะจากการอยู่กับพี่น้องมา 20 กว่าปี เราทำกิจกรรมเล็กๆ ทำปะการังเทียมเล็กๆ ปลูกป่าชายเลนเทียม 100-200ไร่ 3-4เดือนให้หลัง ชุมชนที่เคยอดอยาก ขาดกุ้ง หอย ปู ปลา สิ่งเหล่านี้กลับมา วันนี้เรายังต้องต่อสู้กับการทำลายล้างทรัพยากรที่ใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ทั่วโลกเขาเลิกกันหมดแล้ว เรืออวนรุน เรืออวนลาก เรือปั่นไฟ สามสิ่งนี้ทำให้พันธุ์สัตว์น้ำของทะเลไทยต้องหมดไป ทำให้ทรัพยากรชายฝั่ง 2,600 กว่ากิโลเมตรแทบจะเหลือแต่น้ำ


 


แต่ผมเชื่อว่า ถ้าทุกท่านที่อยู่ในห้องนี้เราช่วยกัน ผมเชื่อมั่นว่า เมืองไทยอุดมสมบูรณ์เกินกว่าที่เราจะคิด ผมเห็นทะเลทุกอาทิตย์ บางครั้งก็ทุกวัน ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของทะเล จุดเล็กๆ ที่เราดูแลอย่างดี อยากเรียนให้ท่านมั่นใจว่า ถ้าประเทศเราได้มีการจัดการทรัพยากรอย่างจริงจัง สังคมไทยจะไม่มีทางอดอยากแน่นอนครับ ขอฝากความหวังไว้กับทุกท่านครับ"


 


 


จันทวิภา อภิสุข


ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมโอกาสผู้หญิง (Empower Foundation)


 


ภาพจาก www.empowerfoundation.org และ ประชาไท


 


"วันนี้เป็นวันที่มีเกียรติมาก พวกเรารู้สึกภูมิใจจริงๆ เป็นวันที่พนักงานบริการได้ประกาศว่ามีที่ยืนในสังคม เป็นวันที่พวกเรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในสังคมเท่าๆ กับคนส่วนอื่น แม้ว่า จะมีเพื่อนหลายคนที่เขาได้ต่อสู้กับการเลี้ยงชีวิต แม้ว่าหลายคนได้จากไปแล้ว พวกเขาอยู่ข้างหน้า พวกเขาคอยไม่ไหวถึงความเสมอภาคในสังคม วันนี้เราอยากจะบอกเขาว่าถึงวันที่เขารอคอยแล้ว


 


มีเพื่อนที่อยู่ข้างหลังอีกเยอะแยะ มีนักวิชาการบอกว่า พนักงานบริการที่เป็นแรงงาน ทำรายได้ให้กับประเทศชาติอยู่ขณะนี้ไม่ว่าเศรษฐกิจตกต่ำขนาดไหน แรงงานภาคบริการเป็นแรงงานที่สำคัญ มีพวกเขาอยู่ข้างหลังเราไม่น้อยกว่า 2 แสนคน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้ พนักงานบริการมีความเสมอภาคในสังคมและสิทธิมนุษยชนเป็นจริงสำหรับพนักงานบริการ"


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net