Skip to main content
sharethis

กรุงเทพฯ-22 ก.ย.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยแพร่บทความ: ประชากรโลก : ประชากรไทย 2547 เนื่องในโอกาส วันประชากรโลก" ซึ่งตรงกับวันที่ 11 กรกฎาคมของทุกปี โดยระบุว่า อัตราการตายที่ต่ำของประชากร ขณะที่อายุที่ยืนยาวขึ้น จะทำให้สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต เช่นเดียวกันกับหลายๆ ประเทศในโลก

ทั้งนี้โครงสร้างของประชากรโลกและประชากรไทยมีการ เปลี่ยนแปลงที่คล้ายคลึงกัน โดยที่ประชากรวัยสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.0 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 15.0 ในปี 2568 ในขณะที่ประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) มีจำนวนลดลงจากร้อยละ 30.1 ในปี 2543 เหลือร้อยละ 24.2 ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่า โครงสร้างของประชากร กำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างประชากรวัยเด็กในอดีตเป็นประชากรวัยสูงอายุ หรือสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่สถานการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับนานาประเทศในโลก โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาค ยุโรป การวางแผนและการกำหนดนโยบายต่างๆ จะให้ความสำคัญกับประชากรกลุ่มผู้สูงอายุนี้มาก แม้กระทั่งการเลือกตั้งยังต้องมีนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุเป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียงด้วย ขณะที่ประเทศไทย มีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุขึ้นเป็นนโยบายระดับชาติในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ผ่านม

นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่ใช้คุ้มครองผู้สูงอายุโดยตรงคือ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2547นี้ และในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุและพัฒนาความรู้เพื่อแก้ปัญหา และปรับปรุงนโยบายในการดูแลประชากร ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นประกอบกับการพัฒนาที่เน้นคุณภาพ ของคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา น่าจะทำให้สังคมไทยในอนาคตเป็น "สังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ" และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศได้

สำนักงานสถิติแห่งชาติยังระบุว่า ประชากรโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 6,070.6 ล้านคนในปี 2543 เป็น 7,851.4 ล้านคนในอีก 25 ปีข้างหน้าคือ ในปี 2568 ในขณะที่ ประชากรไทยก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 62.2 ล้านคนในปี 2543 เป็น 72.3 ล้านคนในปี 2568

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net