Skip to main content
sharethis

คล้อยหลังที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประกาศลั่นในรายการนายกทักษิณคุยกับประชาชนเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 ว่าจะแก้ไขปัญหาลำไยให้เบ็ดเสร็จเพราะแม้กระทั่งที่บ้านเกิดของตัวเองยังมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรีส่งท้ายทักษิณ 1 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ประเด็นลำไยก็ถูกนำเข้ารายงานต่อกันถึง 3 เรื่องคือทั้งเรื่องรายงานผลการเจรจาซื้อขายลำไยอบแห่งกับสาธารณรัฐประชาชนจีน,ผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพลำไยอบแห้ง ปี 2545 ปี 2546 และปี 2547,การทำลายลำไยอบแห้ง ปี 2545

โดยผลการเจรจาซื้อขายลำไยอบแห้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น กระทรวงกลาโหมเสนอ ว่าตามที่กระทรวงพาณิชย์ กับผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เคยเสนอราคารับซื้อลำไยอบแห้งปี 2546 -47 ในลักษณะเหมารวมปริมาณทั้งสิ้น 56,793 ตัน แยกเป็น เกรด AA จำนวน 22,309 ตัน ราคา 41.50 บาท/กิโลกรัม และเกรด Aจำนวน 34,484 ตัน ราคา 20 บาท/กิโลกรัม โดยคณะรัฐมนตรีเห็นว่า เป็นราคาที่ ไม่สามารถรับได้ เพราะต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ นายกรัฐมนตรีจึงมอบ
หมายให้กระทรวงกลาโหมรับไปดำเนินการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกครั้งหนึ่งนั้น กระทรวงกลาโหม ได้เชิญผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนมาร่วมประชุมหารือ 3 ครั้ง ได้ข้อสรุป ดังนี้

1. การประชุมหารือร่วมระหว่างกระทรวงกลาโหมกับผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งที่ 1 และ 2 เมื่อ วันที่ 2 มีนาคม 2548 และวันที่ 4 มีนาคม 2548 ได้มีการเสนอขอซื้อลำไยอบแห้งของปี 2546 และปี 2547 แบบแยกปี แยกเกรด คัดคุณภาพ คือปี 2546 เกรด AA 25 บาท/กิโลกรัม เกรด A 14 บาท/กิโลกรัม เกรด B 7 บาท/กิโลกรัม ปี 2547เกรด AA41.50 บาท/กิโลกรัม เกรด A 20 บาท/กิโลกรัม เกรด B 10 บาท/กิโลกรัม

2. การประชุมหารือร่วมฯ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2548 ผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แจ้งการปรับราคาและวิธีการเสนอซื้อในลักษณะเหมารวมปี 2546 และปี 2547 แต่แยกเกรด และคัดคุณภาพ โดยเสนอราคาซื้อดังนี้
เกรด AA ราคา 42 บาท/กิโลกรัม
เกรด A ราคา 20.50 บาท/กิโลกรัม
เกรด B ราคา 10.50 บาท/กิโลกรัม
ที่ประชุมฯ ได้แจ้งให้ผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนทราบว่า บริษัท FUJIAN RONGJIANGIMP & EXP.CORP. ซึ่งมีที่ตั้ง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เสนอขอซื้อลำไยอบแห้งประจำปี 2546 และปี 2547 ทั้งหมดในราคาเหมารวม แยกเกรด คัดคุณภาพ โดยเสนอขอซื้อฯ เกรด AA ราคา 46.50 บาท/กิโลกรัม เกรด A ราคา 26.50 บาท/กิโลกรัม และเกรด B ราคา 11.50 บาท/กิโลกรัม มายังกระทรวง
กลาโหม จึงขอทราบว่าบริษัทดังกล่าวเป็นผู้แทนการค้าที่ได้รับการแต่งตั้งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือไม่ ซึ่งผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการประสานความต้องการของบริษัทให้เกิดความชัดเจน และหากรัฐบาลไทยสามารถตกลงในรายละเอียดกับบริษัท FUJIANฯ ได้ สาธารณ
รัฐประชาชนจีนก็ยินดีที่จะให้บริษัท FUJIANฯ เป็นผู้แทนในนามรัฐบาลต่อไป

3. ที่ประชุมมีความพอใจในด้านราคาที่บริษัท FUJIANฯ เสนอ เพราะเห็นว่าใกล้เคียงกับราคากลางที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอทราบแผนการขนส่ง เงื่อนไขการชำระเงิน การวางหลักประกันสัญญา ซึ่งผู้แทนบริษัท FUJIANฯ ไม่สามารถตกลงใจได้ในขณะนี้ แต่ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท FUJIANฯ จะเดินทางถึงประเทศไทยในเร็ววันนี้ ที่ประชุมจึงแจ้งให้ผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนทราบความต้องการในด้านแผนการขนส่งที่จะต้องระบายสินค้าออกให้หมดภายในเดือนพฤษภาคม 2548 การชำระเงินล่วงหน้าร้อยละ 50 ณ วันลงนามข้อตกลงซื้อขาย ที่เหลืออีกร้อยละ 50 ชำระด้วยการเปิด LETTER OF CREDIT ชนิดยืนยันและเพิกถอนไม่ได้ เป็นต้น

ด้าน ผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพลำไยอบแห้ง ปี 2545 ปี 2546 และปี 2547 โดยหลัง
จากครม. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เร่งรัดดำเนินการบริหารจัดการลำไยอบแห้ง ปี 2545 - ปี 2547 โดยให้เจรจาขายในลักษณะการค้าแบบแลกเปลี่ยนกับรัฐบาลจีนให้แล้วเสร็จโดยเร็วนั้น คณะกรรมการ คชก. รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 คชก. ได้มีมติมอบให้ประธาน คชก. ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ร่วมตรวจสอบปริมาณลำไยอบแห้ง ปี 2545 ปี 2546 และ ปี 2547 ที่มีอยู่จริงทั้งหมด โดยให้ดำเนินการพร้อมกันทุกจุด ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปข้อสังเกตและแนวทางดำเนินงานได้ดังนี้

1. จากการตรวจสอบลำไยทั้ง 3 ปี โดยภาพรวมแล้ว ปริมาณตรวจนับครบตามบัญชีโดยลำไย ปี 2545 มีผลตรวจนับต่ำกว่ายอดบัญชี ร้อยละ 0.96 (ยึดถือความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ 5) และลำไยปี 2546 มีผลตรวจนับสูงกว่ายอดบัญชี ร้อยละ 0.50 และลำไย ปี 2547 มีผลตรวจนับสูงกว่ายอดบัญชี ร้อยละ 0.12 สำหรับด้านคุณภาพ พบว่า ลำไย ปี 2546 และปี 2547 มีสภาพดีใกล้เคียงกัน คือ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพดี ร้อยละ 81-88 ส่วนที่เสื่อมสภาพ ร้อยละ 12-19 เนื่องมาจากลักษณะภายนอก คือ มีผลบุบแตก เป็นน้ำหมาก ส่วนเนื้อในยังอยู่ในสภาพดี ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่าลำไยปี 2547 เปลือกมีสีคล้ำกว่าปกติ ผลบุบแตก เป็นน้ำหมาก ปะปนมากับลำไยสีน้ำตาลนวล เป็นจำนวนมาก ส่วนลำไย ปี 2545 มีสภาพเสื่อมมากที่สุด ถึงร้อยละ 60-70 เนื่องจากเก็บรักษานานถึง 30 เดือนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเชื้อราเกือบทั้งหมด เสื่อมสภาพทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งมีรสเปรี้ยว

2. กรณีที่ตรวจพบเหตุผิดปกติ ได้แก่ ปริมาณน้อยกว่าบัญชีเกินร้อยละ 5 มีการเสื่อมสภาพและเกรดไม่ตรงตามที่ระบุไว้ข้างกล่อง ได้มอบให้ อคส. / อ.ต.ก. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ พร้อมทั้งรายงาน ให้ทราบโดยด่วนต่อไป

ส่วนเรื่อง การทำลายลำไยอบแห้ง ปี 2545 คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เสนอ ดังนี้

คณะอนุกรรมการทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรม
การและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ คชก. ประสานหารือสำนักนายกรัฐมนตรี กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการทำลายลำไยอบแห้ง แล้วรายงานประธานกรรมการ คชก. ทราบต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการ คชก. ได้รายงานผลการหารือ เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการทำลายลำไยอบแห้ง ปี 2545 สรุปได้ดังนี้

1. การทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมตินั้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สามารถใช้ระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุของแต่ละหน่วยงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว หรือประยุกต์ใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรรีว่าด้วยการพัสดุเพื่อดำเนินการทำลายได้ โดยปกติเมื่อเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินของทางราชการ อคส.และ อ.ต.ก. จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการทำลายได้ โดยให้มีการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไว้ด้วย ทั้งนี้ การทำลายดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากลำไยอบแห้งได้มีคุณภาพเสื่อมตามสภาพการจัดเก็บมาเป็นเวลานานกว่า 30 เดือนแล้ว

2. เนื่องจากในการดำเนินการรับจำนำลำไยอบแห้ง ปี 2545 ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เข้าร่วมโครงการที่กระทำการทุจริตรวม 10 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน 8 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช. 2 ราย หากพนักงานสอบสวนได้มีการบันทึกข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานไว้จบสิ้นกระบวนการแล้ว การทำลายลำไยอบแห้งก็จะไม่กระทบต่อกระบวนการสอบสวน เนื่องจากไม่เป็นการทำลายพยานหลักฐานแต่ประการใด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net