Skip to main content
sharethis

(*คอลัมน์ มาจากแผ่นดินล้านนา พลเมืองเหนือรายสัปดาห์ หน้า 22 ปีที่ 4 ฉบับที่ 184 รายสัปดาห์ วันที่ 13-19 มิถุนายน 2548)

ในความเข้าใจทั่วๆ ไป ความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษารุ่นเก่ากันนักศึกษารุ่นใหม่ มีเพียง 2 คำที่เราคุ้นเคยคือ รับน้อง และว้ากน้อง การรับน้องเป็นการจัดพิธีต้อนรับนักศึกษาใหม่โดยนักศึกษาเก่า มีการป้อนน้ำ ป้อนของกินที่แปลกประหลาด ใช้สีเขียนหน้าตา ให้น้องก้มลอดคลาน วิ่งร้องเพลง เต้นรำ ฯลฯ สารพัดเท่าที่พี่คิดได้ ส่วนการว้ากน้องก็คือการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพตะโกนดุด่าว่าน้อง ทั้ง 2 สิ่งนี้ ทำไปโดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความรักความสามัคคีภายในหมู่นักศึกษาที่เข้าใหม่ และระหว่างนักศึกษาเก่ากับนักศึกษาใหม่ และเพื่อให้เกิดความมีระเบียบวินัย ความอดทน และถือเป็นการสืบทอดประเพณีของมหาวิทยาลัยแทบทุกแห่ง

แต่ในทางปฏิบัติ การที่รุ่นพี่ "ต้อนรับ" และ "ว้าก" น้องนั้น การกระทำ 2 อย่างนี้ถือเป็นการกระทำขั้นรองเท่านั้น เพื่อให้เป้าหมายข้างต้นบรรลุผล แต่เราไม่เคยพูดถึงอีกคำหนึ่งอันเป็นเครื่องมือหลักที่นักศึกษารุ่นเก่ากระทำกับนักศึกษารุ่นใหม่ นั่นคือ "การข่มขู่บีบบังคับและลงโทษนักศึกษาใหม่"

พิธีต้อนรับน้องใหม่ และการว้ากน้องไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกที่นักศึกษารุ่นเก่าพบนักศึกษารุ่นใหม่ แต่ได้มีการกระทำที่แยบยลและทำการวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี กล่าวคือ นักศึกษารุ่นพี่ได้เตรียมงานต้อนรับนนักศึกษาใหม่มาแล้วเป็นเวลานาน ตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียน เช่น มีการจัดขบวนไปต้อนรับถึงบานเกิดของนักศึกษาใหม่ มีการเลี้ยงดูปูเสื่อน้องใหม่อย่างเต็มที่ พาน้องเดินทางมามหาวิทยาลัยโดยรถไฟ จัดงานต้อนรับน้องใหม่อีกหลายครั้งหลังจากมาถึงมหาวิทยาลัย พาน้องไปลงทะเบียนแนะนำวิชาที่ควรลง เลือกอาจารย์ที่ให้คะแนนดี และให้คำแนะนำสารพัดเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่รุ่นน้องอย่างถึงที่สุด

ในระหว่างก่อนเปิดภาคเรียน นักศึกษารุ่นเก่าจำนวนหนึ่งก็ได้จัดประชุมกัน แบ่งงานออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ กลุ่มว้ากน้อง กลุ่มสมมติตัวเป็นน้อง จากนั้นก็มีการฝึกซ้อมกันแทบทุกวัน กลุ่มที่สมมติตัวเป็นน้องก็จะมานั่งสงบนิ่งก้มหน้า ให้กลุ่มว้ากน้องตะโกนดุด่าว่ากล่าวสารพัด เพื่อฝึกให้กลุ่มว้ากน้องได้ทำหน้าตาขึงขัง ส่งเสียงตะโกนและฝึกด่าทออย่างสมจริง ไม่ใช่ฝึกซ้อมกับเก้าอี้หรือกำแพง ต่อจากนั้นก็จะมีการสำรวจวิจารณ์ระหว่างกลุ่มว้ากกับกลุ่มสมมติ ทั้งนี้เพื่อให้การว้ากในสถานการณ์ที่เป็นจริงประสบความสำเร็จสูงสุด

หลังจากนั้น อีกระยะหนึ่งคือ พอเริ่มเปิดภาคเรียน หลังจากมีการต้อนรับเลี้ยงดูปูเสื่อแล้วหลายครั้ง รุ่นน้องเริ่มยอมรับนับถือและชื่นชมน้ำใจอันงามของรุ่นพี่แล้ว นักศึกษารุ่นพี่จึงเริ่มข่มขู่บีบบังคับ และลงโทษน้องใหม่ด้วยวิธีการต่างๆ นานา รูปธรรมของการข่มขู่ บีบบังคับ และการลงโทษต่างๆ พอจะยกตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้

1.สั่งให้น้องเข้าแถว ยืนตรงนิ่ง และนับจำนวนคนที่มาคนที่ขาดและคนที่มาสาย

2.สั่งให้น้องยืนนิ่งๆ หรือนั่งนิ่งเป็นเวลานาน หรือสั่งให้วิ่งเลี้ยวซ้ายขวาอย่างพร้อมเพรียงกัน

3.สั่งให้ทุกคนนั่งนิ่งในห้องประชุม ตัวตรงมองไปข้างหน้า ห้ามคุยกัน ห้ามเกา ห้ามยิ้ม ห้ามถาม ห้ามมองหน้ารุ่นพี่ ห้ามโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

4.สั่งให้ทุกคนร้องเพลงเชียร์ให้ดังที่สุด ตบมือให้ดังที่สุด ให้ร้องเพลงหลายๆ ครั้ง ให้ร้องพร้อมๆ กัน และตบมือพร้อมๆ กัน ถ้าพี่ยังเห็นว่าไม่พร้อม ไม่ดังให้เอาใหม่ หรือถ้าอยากจะบังคับให้น้องร้องเพลงอีกแม้ว่าจะร้องได้ดีแล้ว ก็ให้ทำหลายๆ ครั้ง นอกจากนี้ ยังบังคับให้นักศึกษาใหม่ทุกคนต้องจำเนื้อเพลงให้ได้ทั้งหมด ต้องจำชื่อเพื่อนใหม่ทุกคนให้ได้ในเวลาอันสั้น

5.ในห้องประชุม จะมีการปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด เพื่อไม่ให้คนภายนอกรรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้อง (บางคณะมีคนภายนอกสนใจจะเข้าไปดูก็ถูกด่าทอและขับไล่ออกมา) สลับกับการใช้ถ้อยคำด่าทอตะโกนใส่น้องๆ เช่น "มึงแน่มาจากไหน" "ยิ้มทำไม" "นั่งนิ่งๆ " "ร้องเพลงดังๆ อย่ากินแรงเพื่อน" "น้องใหม่รุ่นนี้ร้องเพลงแย่ที่สุด" "น้องใหม่รุ่นนี้ไม่รักใคร่กันเลย" สำหรับคนที่ตกใจ คนที่เป็นลม คนที่ร้องไห้ คนที่ไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็จะถูกว่ากล่าวประฌาม เยาะเย้ยถากถางด้วยถ้อยคำสารพัด เช่นกล่าวหาว่า "ใจเสาะ" "ลูกผู้ดี" "ไม่รู้จักอดทน" "เป็นโรคประสาท" "ไม่รักเพื่อน" "เรื่องแค่นี้ก็ทนไม่ได้" ฯลฯ

6. มาตรการในการลงโทษมีมากมายสำหรับคนขาดประชุม คนมาสาย คนร้องเพลงเสียงไม่ดัง คนนั่งนิ่งๆ ไม่เป็น คนยิ้ม และคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งต่างๆ ของรุ่นพี่ เช่น ปิดไฟ ปิดพัดลม ให้ร้องเพลงซ้ำหลายครั้งให้ตบมือซ้ำหลายๆ ครั้ง ให้ออกไปวิ่งรอบสนาม ให้วิดพื้น ให้ออกไปตะโกนหน้าตึก 20 ครั้ง ว่า "ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ" ยืดเวลาประชุมเชียร์ออกไปอีกครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง หรืออยู่จนถึงตี 1-ตี 2

การประชุมเชียร์เหล่านี้ ถือเป็นการบังคับให้ทุกคนต้องทำ ถ้าจะไม่มาต้องขออนุญาต ถ้าไม่สบายต้องไปหาหมอที่รุ่นพี่รับรอง เพราะกลังว่าน้องจะแสร้งทำเป็นป่วย หรือไปหาหมอที่เห็นใจรุ่นน้อง ไม่ใช่หมอซึ่งเป็นพวกเดียวกับรุ่นพี่ ถ้าใครขาดประชุมเพื่อนๆ ในกลุ่มย่อยจะต้องถูกลงโทษทั้งหมด ฯลฯ

การประชุมเหล่านี้ จะดำเนินตั้งแต่บ่าย 4 โมง หรือบ่าย 4 โมงครึ่งไปแล้วเสร็จในเวลา 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม กระทั่งเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง บางแห่งอยู่กันจนสว่าง หลายแห่งยังมีประชุมเชียร์วันเสาร์และอาทิตย์ด้วย

การลงโทษในบางกรณี ถือเป็น "การซ่อม" เหมือนกับว่าจะให้มีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่วนที่ยังไม่ดี ทั้งหมดนี้ก็คือคำตัดสินของนักศึกษารุ่นเก่าที่มอบให้รุ่นใหม่ มาตรการ "ซ่อม" และการลงโทษได้พัฒนาไปถึงการให้รุ่นน้องลงไปคลุกในคลองน้ำตื้น คลุกโคลน (บางแห่งรุ่นพี่ช่วยกันฉี่ลงไปคลุกกับน้ำ) หรือลงไปแช่น้ำเป็นเวลานาน หรือให้ถอดเสื้อผ้าทั้งๆ ที่เปียก ในตอนดึกๆ อากาศเย็น ให้นั่งนิ่งอยู่เช่นนี้เป็นเวลานานหรืออาจมีการให้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด (แยกกันเป็นกลุ่มชายกลุ่มหญิง)

7.ในพิธีรับน้องหรือการรับน้องที่อ้างว่า เพื่อให้เกิดความรักความสามัคคี น้องใหม่จะถูกบีบบังคับให้ทำสารพัด อย่างเช่น ปิดตาน้องใหม่ ให้น้องใหม่ชายหญิงจับมือกัน ให้แสดงท่าทางจีบกัน หรือให้น้องใหม่ชายแสดงท่าขอความรักจากน้องใหม่หญิงหรือรุ่นพี่ ให้กินน้ำส้มผสมเกลือผสมซีอิ้ว หรือกินอะไรประหลาดที่คนทั่วไปไม่กิน พยายามให้น้องใหม่เปียกเพื่อพี่ๆ ผู้ชายจะได้ว่าน้องใหม่คนไนที่ทรวดทรงสัดส่วนดีเป็นอาหารตา บางคณะมีการบังคับให้น้องผู้หญิงเอาลูกเงาะสอดเข้าไปในปลายกางเกงข้างหนึ่งของน้องผู้ชาย แล้วดันลูกเงาะขึ้นไปผ่านเป้ากางเกงไปจนถึงปลายกางเกงอีกข้างหนึ่งเป็นต้น

ในการข่มขู่ให้ทุกคนต้องเข้าประชุมเชียร์ ต้องร้องเพลงเชียร์ ต้องฝึกปรบมือให้พร้อมกัน เหล่านี้นอกจากมาตรการลงโทษที่กล่าวมา โทษสำหรับการที่ไม่ยอมปฏิบัติตามหลายๆ ครั้ง ที่รุ่นพี่พร่ำบอกรุ่นน้องบ่อยๆ ก็คือ การตัดน้องออกจากรุ่นโดยถือว่าเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้น รุ่นพี่จะไม่คบค้าสมาคม ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เท่ากับว่านักศึกษาทุกชั้นทุกรุ่นพร้อมใจกันลงโทษทางสังคมต่อคนที่ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมเหล่านี้ อนึ่ง ก่อนหน้าและหลังการลงโทษเช่นนี้ คนที่คัดค้านจะได้รับการโจมตีว่า เป็นแกะดำ เป็นคนถ่วงความเจริญของรุ่นของภาควิชา ของคณะ และของมหาวิทยาลัย ฯลฯ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นปมเงื่อนสำคัญ 2 ประการ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษารุ่นเก่ากับนักศึกษาที่เข้าใหม่

ประการแรก ในการข่มขู่ บีบบังคับ และว้ากน้อง ตลอดจนการลงโทษน้องด้วยวิธีการต่างๆ นั้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็โดยอาศัยเงื่อนไข สำคัญที่สุดนั่นคือ การที่นักศึกษารุ่นที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของนักศึกษาน้องใหม่ ใช้อำนาจที่แต่งตั้งกันเอง ถือว่าตัวเองอยู่ก่อนถือว่าเป็นรุ่นพี่ คนเข้ามาใหม่จะต้องเป็นน้อง เป็นรุ่นน้อง แล้วก็ใช้อำนาจที่แต่งตั้งตัวเองนั้นไปลิดรอนทำลายสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ด้วยการบังคับให้น้องใหม่ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ผสมกับการบีบบังคับดังกล่าว ยังมีการข่มขู่ ด่าทอ มาตรการต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้อยคำ 2 ประโยคที่รุ่นพี่พูดบ่อยมากให้น้องรับรู้คือ "น้องใหม่มีสิทธิ์เป็นศูนย์" และ "ขาดเรียนขาดได้ ขาดเชียร์ขาดไม่ได้" ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากิจกรรมเหล่านี้ทำลายสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลอย่างแจ้งชัด สวนทางกับการพัฒนาระบบการศึกษาอย่างสิ้นเชิง

ทั้งหมดนี้ก็คือการใช้อำนาจเผด็จการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ซึ่งขัดกับทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และขัดกับกฎหมายอาญา ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องตำรวจให้พิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดได้ทันที

ประการที่สอง เมื่อนักศึกษารุ่นพี่สถาปนาตัวเองเป็นรุ่นพี่ เป็นผู้อยู่ก่อน มีอำนาจทุกอย่างในการกำหนดรูปแบบการทำกิจกรรม การประชุม การร้องเพลง การปรบมือ การเข้าห้องประชุม การข่มขู่ การบีบบังคับ การลงโทษ การกำหนดเวลาประชุม เลิกประชุม ยึดเวลาประชุม กำหนดเวลาพักเวลาปลุกขึ้นมาวิ่งหรือทำอย่างอื่นในยามดึกและวันเสาร์อาทิตย์ ฯลฯ โดยที่รุ่นน้องไม่มีส่วนกำหนดเลย รุ่นน้องไม่มีสิทธิเสียงในการจัดการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้แม้แต่น้อย อำนาจเผด็จการของรุ่นพี่จึงเป็นอำนาจเผด็จการอันสมบูรณ์ สมดังที่ Lord Acton กล่าวไว้

"Power corrupts absolute power corrupts absolutely"

หมายความว่า "อำนาจก่อให้เกิดการฉ้อฉล อำนาจอันมากมายไร้ขอบเขต ก็ย่อมก่อให้เกิดการฉ้อฉลที่ไร้ขอบเขต เช่น เมื่อรุ่นพี่มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ยอมให้รุ่นน้องมีสิทธิและอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น รุ่นน้องมีแต่รับคำสั่งรุ่นพี่เท่านั้น เมื่อความคิดและจินตนาการของนักศึกษารุ่นพี่บางกล่ามพัฒนาไปในทิศทางลามก รุ่นพี่ก็จะคิดรูปแบบกิจกรรมโดยสั่งให้รุ่นน้องทำสิ่งต่างๆ ที่ส่อไปในทางลามก โดยรุ่นน้องอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เช่น การที่รุ่นพี่ฉายหนังโป๊ให้นักศึกษาชายรุ่นใหม่ดู แล้วก็จัดการวัดขนาดเพศของรุ่นน้องทุกคน มีการมอบรางวับให้แก่แชมป์ประจำรุ่น หรือนักศึกษาหญิงบางคณะปิดประตูบังคับให้นักศึกษาหญิงน้องใหม่ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด หรือให้น้องใหม่เปียกปอนทั้งหมด เพื่อรุ่นพี่ชายจะได้ดูทรวดทรงของน้องใหม่หญิงให้ถนัดถนี่ หรือการพี่น้องใหม่ชายไปเที่ยวโสเภณี หรือบังคับให้น้องใหม่หญิงดันลูกเงาะในกางเกงของน้องใหม่ชาย ซึ่งย่อมจะทำให้เกิดอาการลากมกสารพัด และยังมีการกระทำอย่างอื่นๆ มากมาย จนกระทั่งใครๆ อาจจะไม่เชื่อ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ได้เกิดขึ้นและมีสิ่งพิเรนทร์ต่างๆ ได้เกิดขึ้น โดยที่เราไม่อาจทราบทั้งหมด ในเมื่ออำนาจเผด็จการเกิดขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด การใช้อำนาจที่ไร้ขีดจำกัดก็ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและทุกรูปแบบ

ธเนศวร์ เจริญเมือง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net