Skip to main content
sharethis

บทความนี้ นำมาจากบทบรรณาธิการ www.ftawatch.org 18 เมษายน 2549


 


 


อาการของคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ประกาศให้ชะลอการเจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐฯชั่วคราวดูคุ้นๆ  เหมือนกับเคยเห็นใครบางคนทำอะไรคล้ายๆ อย่างนี้บนจอโทรทัศน์ ช่วงหลังจากมีการเลือกตั้งไม่กี่วัน


 


...ก็คงจะไม่แปลก หากคนที่อยู่ใกล้ชิดกันจะหาทางออกให้กับตัวเองในแบบเดียวกัน  เพราะการ "ถอย" เพื่อปล่อยเวลาให้จัดการกับฝุ่นตลบแห่งความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนั้นคงจะพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นวิธีการที่ใช้กับประชาชนไทยได้ผลชะงักพอสมควร 


 


หากสถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาลไทยรักไทยคลี่คลายมากกว่านี้  ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเหตุผลของการต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันก็คงจะผลักดันให้นักธุรกิจจำนวนไม่น้อยต้องเรียงหน้าออกมาสนับสนุนและสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลในการทำเอฟทีเอในลักษณะเดิมต่อไป 


 


ส่วนประชาชนตาดำๆ ที่ไม่ได้หาเลี้ยงชีพด้วยการส่งออกและนำเข้า ก็อาจจำต้องโอนอ่อนผ่อนตามรัฐบาลตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในระหว่างนี้ สิ่งที่คุณสมคิดต้องทำก็มีเพียงการสั่งเดินหน้าลงนามเอฟทีเอกับญี่ปุ่นและให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมข้อมูลการทำเอฟทีเอกับประเทศเป้าหมายอีก 4 ประเทศ...ก็เท่านั้นเอง


 


เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา  มีข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยว่า ความสามารถในการแข่งขันลดลงมาก  หลายโรงงานปิดตัวลงไป  การชะงักงันของการทำเอฟทีเอกับญี่ปุ่นและสหรัฐฯทำให้มีการชะลอการลงทุนและสั่งซื้อสินค้าออกไป โดยหันไปสนใจมาเลเซียแทน เพราะเจรจากับญี่ปุ่นเสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ  ความเดือนร้อนของอุตสาหกรรมทำให้อาจหาทางออกโดยการนัดหยุดงานเพื่อนำคนงานในภาคอุตสาหกรรมประมาณ 1.3 ล้านคนมาชุมนุมเพื่อประกาศจุดยืนให้รัฐบาลเดินหน้าเอฟทีเอต่อไป


 


น่าเห็นใจกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอที่ได้รับผลกระทบจากภาวะความลดลงของการแข่งขันในตลาดโลก  ยิ่งมาเจอค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ก็เท่ากับยิ่งซ้ำเติมอุตสาหกรรมให้เจ็บช้ำเข้าไปใหญ่ 


 


อันที่จริงอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ เป็นอุตสาหกรรมที่เรียกว่า ตะวันตกดิน (sunset industry) คือ อุตสาหกรรมที่ความสามารถในการแข่งขันมีแต่จะลดลงๆ  เพราะต้นทุนของปัจจัยการผลิตที่สำคัญคือ ค่าแรงนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้น รัฐบาลพยายามหาทางช่วยโดยการอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างชาติซึ่งโดยสถานภาพแล้วยอมที่จะได้รับค่าแรงและสภาพการจ้างงานต่ำกว่าคนไทย  หรือสนับสนุนให้มีการย้ายโรงงานไปยังชายแดนหรือในประเทศเพื่อนบ้านแทน  เป็นต้น 


 


ยิ่งประสบปัญหาการแข่งขันจากผู้ส่งออกอย่างจีน เวียดนาม กัมพูชา และบังคลาเทศ  การได้วัตถุดิบหลากหลายในราคาถูก รวมถึงการมีแต้มต่อทางภาษีในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศก็เท่ากับต่อท่ออากาศช่วยหายใจให้กับอุตสาหกรรมนี้ได้  และถึงขนาดประกาศความเป็นไปได้ที่จะนัดหยุดงานเพื่อระดมแรงงานกว่าล้านคนมาแสดงจุดยืนนั้นแสดงว่า เรื่องเอฟทีเอสำหรับอุตสาหกรรมนี้หมายถึงความเป็นความตาย  และหากเป็นเช่นนั้นจริง  ก็เท่ากับว่าในเวลานี้ไม่มีใครจะเข้าใจเกษตรกรหอม กระเทียม พืชเมืองหนาว และโคนม โคเนื้อไทยได้ดีเท่าผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มไทยอีกแล้วว่า "ความอยู่รอด" หมายถึงอะไร 


 


ผู้เขียนคิดว่า จนถึงบัดนี้คุณสมคิด รัฐบาลไทยรักไทยและคุณทักษิณ ก็ยังไม่เข้าใจว่า แท้จริงแล้ว เอฟทีเอ ก็คือ นโยบายกระจายความจนให้ทั่วถึง เพราะมุ่งจะแปลงความมั่นคงและหลักประกันของประชาชนให้เป็นความไม่มั่นคง 


 


เอฟทีเอทำให้ประชาชนแตกแยกเพราะการได้ของคนกลุ่มหนึ่ง หมายถึงการเสียของคนอีกกลุ่มหนึ่ง 


 


เอฟทีเอทำให้ประเทศในอาเซียนต้องแข่งกันเอง แทนที่จะได้ร่วมมือกันสร้างความแข็งแรงให้กับภูมิภาค 


 


เอฟทีเอยังมีกระบวนการจัดทำที่ "ห่วยแตก" ไม่โปร่งใส ขาดการมีส่วนร่วมจากหลากหลายส่วนของสังคม  ทั้งๆที่หลักธรรมาภิบาลสมควรจะถูกนำมาใช้  นอกจากนี้  เอฟทีเอยังไม่อาจช่วยเหลืออุตสาหกรรมสิ่งทอได้ตลอดรอดฝั่ง  ตราบใดที่เรายังปล่อยให้อำนาจการต่อรองอยู่ที่ผู้ซื้อเจ้าของแบรนด์สินค้าและเทคโนโลยี  ซึ่งมุ่งแต่จะผลักภาระต้นทุนของการแข่งขันให้กับผู้ผลิตในประเทศกำลังพัฒนาโดยไม่ยอมแตะส่วนต่างกำไรของตนเลย


 


คุณสมคิดยืนยันว่า จะไม่เจรจาเอฟทีเอแน่ หากเสียเปรียบ  แต่เมื่อดูจากกระบวนการทำเอฟทีเอกับญี่ปุ่น  ฟันธงได้เลยว่า ไม่มีทางที่รัฐบาลไทยจะยอมให้เหตุผล "ความไม่เป็นธรรม" ในการทำข้อตกลงมาเป็นเหตุผลให้ไม่มีการทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯ  และในเมื่อเหตุผลเดียวของรัฐบาลที่จะไม่ทำเอฟทีเอนั้นเป็นหมันโดยธรรมชาติแล้ว  จึงคาดการณ์ได้ว่า รัฐบาลเพียงแค่ "ถอยเพื่อจะเดินต่อ" กับเอฟทีเอไทย-สหรัฐฯ  ส่วนเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นนั้น รัฐบาลทำเสมือนหนึ่งว่าเป็นข้อตกลงที่ประกอบด้วยความชอบธรรมแล้ว  จึงไม่สนใจข้อเรียกร้องของสังคมในการทบทวนนโยบายเอฟทีเอและสร้างกระบวนการจัดทำที่โปร่งใส...


 


ก็ในเมื่อคนที่ต้องอยู่และรับผลจากข้อตกลงเอฟทีเอไม่เคยเห็นตัวหนังสือสักตัวบนแผ่นกระดาษที่จะเอาไปลงนามกัน  แล้วใครจะยอมให้คนไม่กี่คนอ้างอำนาจของประชาชนไปปู้ยี้ปู้ยำ  คุณสมคิดท่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วเสียกระมัง 


 


ถ้าคุณสมคิดคิดจะถอย...ถอยให้ถูกทิศถูกทางและสร้างสรรค์กว่านี้  ไหนว่า "สมคิด" และ "คิดใหม่ ทำใหม่"  ทางเลือกที่ไม่ใช่เอฟทีเอแบบเดิมๆ ที่สร้างความสุขสมานฉันท์และความมั่นคงให้กับประชาชน "ทุกกลุ่ม" มากกว่าที่จะสร้างทุกข์ ความแตกแยกและความสั่นคลอนนั้น  มีไหม  จะขอซื้อหน่อย???

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net