การเคารพสิทธิพี่น้องชนเผ่าของคนไทยยังแย่ ล่าสุดจากการหายไปของพี่น้องชาวกะเหรี่ยงคอยาว กลับกลายเป็นภาคธุรกิจท่องเที่ยวออกมาโวยวาย เพราะกลัวส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 51 นายโชติ นรามณฑล นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอนเปิดเผยว่า ทางสมาคมได้มีการจัดประชุมเร่งด่วนขึ้น หลังจากที่กะเหรี่ยงคอยาว จากบ้านห้วยเสือเฒ่า และ บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 11 คน ได้ถูกลักพาตัวไป ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา
โดยผลจากการประชุม ทางสมาคมได้มีมติให้มีการดำเนินการ ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในวันนี้ เพื่อให้มีการดำเนินการติดตามนำตัวกะเหรี่ยงคอยาว กลับคืนสู่พื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ผลจากการที่มีการลอบนำกะเหรี่ยงคอยาวออกไปนอกพื้นที่จังหวัด ฯ และ มีการเปิดโชว์ตัวเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างรุนแรง
นายกสมาคม สหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า การลักลอบนำพากะเหรี่ยงคอยาวออกไปจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา ข้อหาขบวนการค้ามนุษย์ซึ่งมีโทษถึงยึดทรัพย์ สืบเนื่องมาจากกะเหรี่ยงคอยาว เป็นชนเผ่าในรัฐคะยา และได้มีการหลบหนีภัยสงครามจาการสู้รบในพม่าเข้ามาอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อยู่ในฐานะผู้อพยพ แต่ต่อมาได้มีกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ ได้มีการลักลอบนำไปโชว์ตัวเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในพื้นที่จังหวัดอื่น ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง สมาคม ฯ จะยื่นหนังสือต่อ มท.1 เพื่อให้มีการดำเนินการตรวจสอบและนำตัวกะเหรี่ยงคอยาวทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย, ระยอง กลับคืนมาเหมือนเดิม
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการเพื่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัยแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Committee for Refugees and Immigrants: USCRI) ได้ออกมาเปิดเผยว่าประเทศไทยมักมีการบังคับโยกย้ายให้ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงคอยาวให้ไปตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านการท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กับชายแดน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)