Skip to main content
sharethis


 



ที่มาของภาพ: ผู้จัดการออนไลน์


 


กลุ่มธรรมยาตราข้ามลวดหนามบุกภาวนาเชิงปราสาทพระวิหารเรียกร้องกัมพูชาคืน "มณฑลบูรพา"! - ถอนหมู่บ้านพ้นเขาพระวิหาร ก่อนปีนประตูหวังเข้าสู่ตัวปราสาทจนทหารกัมพูชาเข้าควบคุมตัว ร้อนถึง ผู้ว่าศรีสะเกษ-ผบ.สุรนารี ต้องช่วยเจรจา ด้านกัมพูชายอมปล่อยตัวแถมไม่ตั้งข้อหา ส่วนทหารพรานที่เข้าเสริมกำลังโชคร้ายเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บสาหัส 1 นาย "สนธิ ลิ้มทองกุล" ยุทหารเดินหน้าไม่ต้องถอยเพราะเป็นพื้นที่ของเรา ด้าน จนท.กัมพูชาแจ้งสื่อต่างประเทศทหารไทยบุกรุกตัวปราสาทพระวิหาร


 


ตามที่กลุ่มธรรมยาตรา กอบกู้รักษาแผ่นดินไทย นำโดยนายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ ปักหลักประท้วงที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย. เป็นต้นมานั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (15 ก.ค.) กลุ่มธรรมยาตราฯ ซึ่งนำโดย นายสมาน ศรีงามได้นำกลุ่มธรรมยาตราฯ และพระสงฆ์ ปีนรั้วลวดหนามเข้าไปนั่งสมาธิใกล้กับชุมนุมบ้านเรือนร้านค้าของชาวกัมพูชาประมาณ 30 เมตร


 


 


เหิมปีนข้ามแดน จนท.กัมพูชาเข้าคุมตัว ทหารไทยรุดเจรจา


และต่อมากลุ่มธรรมยาตราฯ จำนวน 3 คน คือ นายวิชาญ ทับซ้อน อายุ 65 ปี นางชนิกาญน์ เก่งนอก อายุ 45 ปี และพระคำพอง ไม่ทราบฉายา ได้ปีนข้ามประตูเหล็กเข้าไปในเขตที่กัมพูชาปลูกบ้านเรือนอยู่และได้เข้านั่งสมาธิประท้วงที่บริเวณสะพานไม้ทางข้ามเข้าไปสู่เขตปราสาทพระวิหาร ทางทหารกัมพูชา นำโดย ร.อ.ทอย บุรินทร์ จึงได้เข้าไปทำการจับกุมตัวคนทั้งหมดเอาไว้ และควบคุมตัวไว้ที่บริเวณปราสาทโคปุระชั้น ที่ 2


 


ต่อมาเวลา 08.15 น. ร.ท.วีระพงศ์ สังเว ผบ.ร้อย ทพ.2306 ได้เข้าไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อขอให้ปล่อยตัวคนไทยทั้ง 3 คนออกมา แต่ว่าไม่ได้ผล โดยฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อบุคคลทั้ง 3 ในฐานะที่บุกรุกเข้าไปในเขตกัมพูชา


 


จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทหารพรานของไทยได้ระดมกำลังจำนวนมากเข้าไปตรึงกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร


 


 


ทหารพรานห้ามแล้วแต่ไม่ฟัง พากันไปต่อ


ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจากช่วงเย็นสองวันก่อน (14 ก.ค.) เวลา 17.45 น.ที่บริเวณพลาญหินอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ พร้อมด้วย พระวิจิตร ญาณโสภโณ เลขาธิการพุทธศาสนาเพื่อมวลมนุษยชาติ ได้นำกลุ่มธรรมยาตราฯ จำนวน 8 คน ร่วมกันนั่งสมาธิ อยู่บริเวณพลาญหินข้างหน้ารั้วลวดหนามนานกว่า 30 นาที ที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้นำมากั้นตลอดแนวเชิงเขาพระวิหาร


 


ต่อมาสมาชิกกลุ่มธรรมยาตราคนหนึ่งได้มุดรั้วลวดหนามเข้าไปยังฝั่งตรงข้ามใกล้ชุมชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาสร้างบ้านเรือนร้านค้าอาศัยอยู่ในปัจจุบัน


 


จากนั้น นายสมานได้นำบันไดไม้จำนวนสองอันผูกในลักษณะต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยม วางพาดกับรั้วลวดหนามแล้วปืนข้ามเข้าไป โดยกลุ่มธรรมยาตราที่นั่งสมาธิอยู่ด้วยกันทั้งหมดได้พากันปีนข้ามรั้วลวดหนามเข้าไปได้สำเร็จ ท่ามกลางการห้ามปรามของทหารพรานที่รักษาการณ์อยู่บริเวณประตูเหล็กทางเข้าไปสู่เชิงเขาพระวิหาร เนื่องจากเห็นว่าเป็นการเข้าไปใกล้ประชิดพื้นที่ชุมชนชาวกัมพูชามากเกินไปเกรงอาจเกิดอันตราย หรือเหตุการณ์รุนแรงขึ้นได้


 


ในเวลา 21.30 น. ร.ท.วีระพงศ์ สังเว ผบ.ร้อย ทพ. 2306 พร้อมด้วย ร.ต.เชวงศักดิ์ พันสาย รอง ผบ.ร้อย ทพ.2306 และทหารพรานจำนวนหนึ่ง ขอให้กลุ่มธรรมยาตราฯ ถอยกลับออกไป แต่กลุ่มธรรมยาตราฯ ยืนยันไม่ถอยกลับ และได้พากันนั่งสมาธิต่อเพื่อทวงคืนเขาพระวิหาร ผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทยแบบสันติอหิงสา ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ห่างจากตลาดชุมชนชาวกัมพูชาประมาณ 30 เมตร เท่านั้น


 


 


เผยข้อเรียกร้องสุดเวอร์เอา "มณฑลบูรพา" สมัย "ท่านผู้นำ" คืนมา


นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไคยแห่งชาติ แกนนำกลุ่มธรรมยาตรา กล่าวว่า พวกเราตั้งใจจะนั่งสมาธิตรงนี้และจะอดอาหารโดยไม่เคลื่อนย้ายไปตรงจุดใดอีกแล้วจนกว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหากรณีเขาพระวิหารได้ โดยรัฐบาลต้องดำเนินการตามอนุสัญญาโตเกียว พ.ศ.2484 ที่มีข้อตกลงไว้ว่า มลฑลบูรพาคือ จ.พระตะบอง และ จ.พิบูลสงคราม เป็นของประเทศไทย และต้องผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกไปจากเขตแดนไทยที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารให้จงได้ภายใน 7 วัน ในระหว่าง วันที่ 13-19 ก.ค. 51 นี้ที่ได้ยื่นข้อเรียกร้องไว้เดิม


 


"เราจะยอมอดอาหารจนตายที่เขาพระวิหารแห่งนี้ เพื่อให้ภารกิจการกอบกู้รักษาแผ่นดินไทยสำเร็จ และนำแผ่นดินกลับคืนมาเป็นของประเทศไทยให้จงได้" นายสมาน กล่าว


 


 


ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ผบ.กกล.สุรนารี รุดเจรจา กัมพูชายอมปล่อยตัวไม่ตั้งข้อหา


ต่อมา นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) จ.สรินทร์ กองทัพภาคที่ 2 เข้าเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่เกิดเหตุ มีรายงานว่า ทางฝ่ายกัมพูชาได้ยินยอมปล่อยชาวไทยทั้ง 3 คน กลับมาแล้วอย่างปลอดภัย ในเวลาประมาณ 12.30 น.ท่ามกลางฝ่ายไทยระดมทหาร ตรึงกำลังตามแนวชายแดนบริเวณเชิงเขาพระวิหารประมาณ 200-300 นาย


 


นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ยืนยันว่า คนไทยทั้ง 3 คน คือได้รับการปล่อยตัวจากฝ่ายกัมพูชา โดยทุกคนปลอดภัยดีและเดินทางกลับมาพร้อมกับคณะของตน โดยที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ และทางการกัมพูชาไม่ได้ดำเนินคดีกับชาวไทยดังกล่าว เพียงแต่เมื่อมีบุคคลแปลกปลอมเข้าไปเขาก็นำตัวไปสอบสวนควบคุมไว้ ซึ่งไม่มีการกระทำใดๆ ที่รุนแรงแต่อย่างใด


 


ผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงคำถามฝ่ายกัมพูชายื่นเงื่อนไขอะไร หรือ ห้ามคนไทยเข้าไปในลักษณะนี้ อีกหรือไม่ ว่า ไม่มี เพราะทางฝ่ายกัมพูชาปิดช่องทางอยู่แล้ว และฝ่ายไทยก็มีเขตควบคุมอยู่ สำหรับการแก้ไขปัญหาและวิธีป้องกันเหตุ การณ์ในลักษณะนี้ นั้น จะต้องมีการเจรจากัน โดยต้องตั้งโต๊ะเจรจากันในทุกระดับ


 


นายเสนีย์ กล่าวต่อว่า การเจรจาอาจจะเริ่มจากระดับของกระทรวงการต่างประเทศก่อน และรวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนตนเองเป็นผู้ปฏิบัติและรับนโยบายมาปฏิบัติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็มีบทบาทเช่นนี้ คือ เข้าไปช่วยเหลือ ส่วนทางกัมพูชานั้น ก็คงต้องรอนโยบายเช่นกันในการแก้ไขปัญหาเช่นกัน


 


 


ทหารพรานซวยเหยียบกับระเบิด หลังเสริมกำลังกรณีคนไทยถูกควบคุมตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ที่ผ่านมา ทหารไทยที่นำกำลังเข้าตรึงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเชิงเขาพระวิหาร จากกรณีฝ่ายกัมพูชาควบคุมตัวไทยไป 3 คน และเพื่อคุ้มครองชุดทีมเจรจาของไทย ได้เหยียบกับระเบิดที่บริเวณภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตกของประสาทพระวิหาร ห่างจากประตูเหล็กทางเข้าเขาพระวิหารไป 1 กิโลเมตร ทำให้ ทพ.วิลัย อารมย์ รองผบ.ร้อยชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 2301 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขวาขาด


 


โดยกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) จ.สุรินทร์ กองทัพภาคที่ 2 ได้นำเฮลิคอปเตอร์ ไปรับตัว ทพ.วิลัย อารมย์ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ออกจากพื้นที่และนำตัวเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แล้ว


 


 


เจ้ากรมชายแดนทหารงง 3 คนไทยจงใจข้ามรั้วให้ "กัมพูชา"จับ


ด้านพล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณี 3 คนไทยลักลอบเข้าเขตหวงห้ามของประเทศกัมพูชาว่า เหตุการณ์เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีประชาชนนัดกันมาชุมนุมประท้วงที่พื้นที่รอยต่อชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร เมื่อทหารรู้จึงทำลวดหนามหีบเพลงกั้น เพื่อไม่ให้คนไทยข้ามเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนที่กัมพูชาอาศัยอยู่ และเมื่อเวลา 23.00 น.ของคืนวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมามีประชาชนพยายามปีนรั้วเพื่อข้ามไปฝั่งกัมพูชา ซึ่งทหารก็ห้ามปรามว่าอย่าเข้าไป


 


"จนกระทั่งเช้าของวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาคนไทย 3 คน จึงกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนในลักษณะโผเข้ามาเร่งรีบ เหมือนจงใจให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปจับกุม ทั้งที่ทหารห้ามไม่ให้เข้าไป แต่เขาอ้างเขาไปปฏิบัติธรรม เพราะหนึ่งใน 3 คนเป็นพระ ส่วนข่าวที่ว่ากัมพูชาจับกุมความจริง เขาแค่มาปรามและควบคุมตัว เพราะกลัวไปปะทะกับกลุ่มชาวเขมรที่อาศัยอยู่ในบริเวณทับซ้อน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 918 คน มาอยู่ตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งเรื่องนี้ได้รายงานให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดทราบแล้ว และท่านได้รายงานให้กับนายกรัฐมนตรีทราบแล้วว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง" พล.ท.นิพัทธ์ กล่าว


 


 


ผบ.ทบ.ยันรับ 3 คนไทยกลับแล้ว สั่งเพิ่มกำลังทหารดูแลพื้นที่ทับซ้อน


เมื่อเวลา 19.30 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 9 ถึงความคืบหน้าในการรับตัว 3 คนไทยที่ลักลอบเข้าเขตหวงห้ามจากประเทศกัมพูชาว่า จากการที่เราได้ให้ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และแม่ทัพภาคที่ 2 ไปเจรจาในระดับพื้นที่ว่า จะไม่มีการควบคุมคนไทย ขอให้คนไทยได้เดินทางกลับมา และส่งตัวมาโดยด่วนที่สุด จากนั้นในช่วงบ่ายทางกัมพูชาจึงส่งคนไทยทั้ง 3 คนกลับประเทศไทย อย่างไรก็ตามในขณะนี้ไม่มีข้อตกลงอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวการปฏิบัติในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งขณะนี้ทั้งไทยและกัมพูชาต่างมีกองกำลังทหารอยู่ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อน โดยเราจะมีการวางกำลังเพื่อดูแลความเรียบร้อยไปสักระยะหนึ่ง แต่ไม่สามารถบอกจำนวนได้ว่าเท่าไร แต่เราได้เพิ่มเติมกำลังเข้าไป ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะสองฝ่ายยังพูดคุยกันรู้เรื่อง ส่วนมาตรการในการดูแลพื้นที่ทับซ้อนเป็นหน้าที่ของระดับรัฐบาลที่จะเข้าไปพูดคุย เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เพราะมีข้อตกลงในเรื่องการปักปันเขตแดนอยู่


 


 


เขมรอ้างทหารไทยบุกเข้าไปในปราสาทพระวิหาร


นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นายฮัง ซอธ เจ้าหน้าที่กัมพูชาที่ดูแลปราสาทพระวิหาร ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศหลายสำนักระบุว่า  มีทหารไทย 40 นายรุกล้ำอธิปไตยเข้าไปในแผ่นดินกัมพูชาที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทหารกัมพูชาได้ทำการจับกุมชาวไทย 3 คนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีทหารกลุ่มแรก 20 นายบุกเข้ามาในบริเวณปราสาท โดยไม่ทราบเหตุผล และต่อมามีการเพิ่มกำลังเข้ามาอีกเป็น 40 นาย ซึ่งทหารกัมพูชาได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ไม่ให้เปิดฉากยิงก่อน


 


 


"สนธิ ลิ้มทองกุล" ลั่นทหารไม่ต้องถอย ให้เดินหน้าเต็มอัตราศึก


ส่วนที่เวลาพันธมิตรฯ เชิงสะพานมัฆวาน เวลา 22.10 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาว่า อาจเข้าสู่ภาวะวิกฤต โดยระบุว่า ในวันนี้ พล.อ.เตียบัณฑ์ รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาหา พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาทหารบก คนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้ช่วยแจ้งกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกให้ถอนกำลังทหารไทยออกมาจากบริเวณชายแดนบริเวณพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร แต่ พล.อ.อนุพงษ์ไม่ยอม ตรงกันข้ามกลับสั่งเสริมกำลังเต็มที่


 


นายสนธิ กล่าวอีกว่าในตอนเย็นวันเดียวกัน ฮุนเซน ได้สั่งให้ พล.อ.เตียบัณฑ์ โทรศัพท์บอก พล.อ.วิชิต บอกกับ พล.อ.อนุพงษ์ ให้โทรหามันด้วย แต่ พล.อ.อนุพงษ์ไม่โทรกลับไป แล้วให้ถอนกำลังทหารไทยกลับไปเดี๋ยวนี้ แต่ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ที่ไม่เคยเห็นด้วยกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับสั่งเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก ขอให้ปรบมือให้ด้วย


 


"ถึงเวลาแล้วที่ทหารไทยต้องแสดงจุดยืนให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว นอกจากไม่ถอยแล้วยังต้องเดินหน้าเต็มอัตราศึก เพราะเป็นพื้นที่ของเรา" นายสนธิ ระบุพร้อมทั้งเล่าถึงอดีตของเขมรในยุคเมื่อ 20 ปีก่อน พล.อ.เตียบัณฑ์ ที่ในอดีตยังใส่รองเท้าแตะ และฮุนเซนในวันที่มีแต่ความโลภร่วมกันปล้นชาติกับไอ้เหลี่ยม


 


 


ยุถ้า "สมัคร" สั่งถอยให้ทหารเอาพานท้ายปืนตบให้ฟันร่วง อ้างไทยปิดพรมแดนไม่เดือดร้อน


นายสนธิ กล่าวว่า เวลานี้ถือว่าจะเป็นวิกฤตหรือเป็นโอกาสก็ได้ แต่ให้รู้ว่ายืนอยู่ข้างทหาร เพราะหทารมีหน้าที่ 2 อย่างคือรักษาราชบัลลังก์และรักษาชาติ ถ้านักการเมืองสั่งให้ทหารถอยก็ให้ทหารเอาานท้ายปืนตบปากมัน หรือถ้า นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมสั่งให้ถอยก็ให้ทหารเดินเข้าทำเนียบฯแล้วเอาพานท้ายปืนตบปากให้ฟันร่วง


 


"ขณะนี้เป็นช่วงพิสูจน์ความเป็นทหารไทย ต้องไม่ถอยแม้แต่นิ้วเดียว และถ้าไทยปิดพรมแดน 40 จุดเราไม่เดือดร้อน เราไม่ไช่คลั่งชาติ แต่เราถอยไม่ได้ เวลานี้ปรบมือให้กับกองกำลังสุรนารีด้วย เชื่อว่าทุกคนไม่ถอย ยกเว้นพรคพลังประชาชนและครม.ขายชาติชุดนี้เท่านั้น" แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ระบุ


 


 


ทหารยังตรึงเข้มเชิงเขาพระวิหาร ส่วนคนไทยถูกปล่อยแล้ว แต่ยังไม่ออกมาจากเชิงเขา


สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (16 ก.ค.) ว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่พบเห็นกลุ่มคนไทยผู้ที่ถูกจับตัวไปแต่อย่างใด และมีกระแสข่าวว่า คนไทยทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวจากทางการกัมพูชาแล้ว และได้เดินทางไปอยู่ที่วัดกัมพูชา บนเขาพระวิหารร่วมกับผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และทหารพรานจำนวนหนึ่ง โดยตลอดคืนวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดกำลังทหารพรานเพิ่มขึ้นประมาณ 100 นาย เข้าไปตรึงกำลังรอบบริเวณเขาพระวิหารด้วยส่วนบรรยากาศช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทหารพรานและตำรวจหลายร้อยนาย ยังคงตรึงกำลังอยู่และไม่มีวี่แววว่าผู้บัญชาการกองกำลังสุนารีและคณะคนไทยจะเดินทางออกจากบริเวณเชิงเขาพระวิหารแต่อย่างใด


นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า ทหารพราน 150 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ได้ตรึงกำลังบริเวณตลาดกัมพูชา ซึ่งกำลังตกเป็นข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ทำให้นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งถูกสกัดอยู่ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เนื่องจากมีคำสั่งจากฝ่ายพระวิหารว่า ห้ามทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้อย่างเด็ดขาด


ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า คมชัดลึก ผู้จัดการออนไลน์ และเว็บไซต์ไทยรัฐ


เพิ่มเติมข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์มติชนออนไลน์ วันที่ 16 ก.ค. เวลา 11.00 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net