Skip to main content
sharethis

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (28 ส.ค.) หน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สร้างแนวป้องกันด้วยยางรถยนต์ ที่ประตู 9 ฝั่งสะพานอรทัย พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสกัดกั้นตำรวจทั้งเหล็กแป๊บ ไม้พลอง หนังสติ๊ก ก้อนหิน ซึ่งทันทีที่รถตู้ตำรวจและรถหกล้อสำหรับคุมขังนักโทษประมาณ 20 คัน เคลื่อนผ่านฝั่งตรงข้ามวัดโสมนัส กลุ่มผู้ชุมนุมได้โห่ร้อง


 


ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าว 3 คน คือ นายมนตรี จิรพรพนิต จาก นสพ.ข่าวสด นายสุทธา พิมาลัย จาก นสพ.ไทยรัฐ และ น.ส.ศศินภา วัฒนวรรณรัตน์ จาก นสพ.มติชน ที่ขึ้นไปสังเกตการณ์อยู่บริเวณทางเชื่อมอาคารบัญชาการ 1 และ 2 ถูกการ์ดพันธมิตรไล่ลงข้างล่าง ผู้สื่อข่าวทั้ง 3 ได้ชี้แจง พร้อมกับโชว์บัตรประจำตัวเป็นสื่อมวลชน ขอสังเกตการณ์ทำหน้าที่รายงานตรงจุดนี้ แต่การ์ดพันธมิตรบอกว่าไม่สน เพราะกลัวว่าจะเป็น นปก.ปลอมตัวมา ถ้าไม่ลงจะใช้หนังสติ๊กยิง จากนั้นมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยของพันธมิตร 2 คน ขึ้นมาเชิญตัวลงไป แต่ผู้สื่อข่าวยืนยันว่าจะขอสังเกตการณ์ต่อไปและยืนยันดูแลตัวเองได้


 


หลังจากที่เจรจากับการ์ดพันธมิตรเป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่านายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ขึ้นมายังบริเวณดังกล่าวด้วยอาการเกรี้ยวกราด พร้อมกับชี้หน้าไล่ผู้สื่อข่าวลงไปด้านล่าง และด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยไม่ฟังคำชี้แจงใดๆ รวมทั้งกระชากตัว น.ส.ศศินภาอย่างแรง ทำให้เพื่อนนักข่าวอีก 2 คน ต้องเข้าไปกันเอาไว้ พร้อมกับบอกว่าทำอย่างนี้ไม่เหมาะสม เพราะตัวเองเป็นถึงครูบาอาจารย์และน้องเป็นนักข่าวผู้หญิง จนทำให้ น.ส.ศศินภา ร้องไห้ด้วยความตกใจในท่าทีของนายภูวดล ซึ่งนายภูวดลได้เอ่ยปากขอโทษแต่ก็ขู่ว่าจะลงดีๆ หรือไม่ ถ้าไม่ลงจะตาม รปภ.มาไล่ให้ลงไป เพราะมันอันตราย ผู้สื่อข่าวทั้ง 3 จำเป็นต้องลงมาด้านล่าง นายภูวดลตะโกนสั่งทีม รปภ.ไล่หลังว่า "ให้เอาพวกมันลงไป"


 


ขณะนั้นกลุ่มพันธมิตรประมาณ 10 กว่าคน กรูกันขึ้นไปชั้นบน และขณะที่กลุ่มผู้สื่อข่าวเดินลงจากชั้น 2 กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านล่างพากันตะโกนไล่ กระทั่งเพื่อนผู้สื่อข่าวที่ทราบเรื่องต้องช่วยกันพากลับเข้าห้องผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ แต่ก็มีมวลชนจากพันธมิตรฮือมาล้อมที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล จนต้องขอร้องให้การ์ดพันธมิตรมาช่วยรักษาความปลอดภัยและได้ปิดประตูล็อกกลอนทุกด้าน


 


หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้แจ้งให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรทราบ พร้อมทั้งแจ้งว่า น.ส.ศศินภา ต้องการจะกลับบ้านแต่รถของบริษัทซึ่งจอดอยู่บริเวณที่เกิดเรื่องเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย นายสนธิได้อาสาพา น.ส.ศศินภาไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน จากนั้นนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ได้เจรจากับผู้สื่อข่าวที่รังนกกระจอกใหม่ โดยรับปากว่าจะแก้ไขปัญหาในทันที และหากเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้ติดต่อแกนนำพันธมิตรได้ตลอด 24 ชั่วโมง


 


นอกจากนี้ ระหว่างที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย นายชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้า ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชน โดยเดินดูบรรยากาศ เพื่อรายงานสถานการณ์โดยรอบทำเนียบรัฐบาล ขณะเดินผ่านบริเวณแยกสวนมิสกวัน ได้มีชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำแดง มีผ้าพันคอสีเหลือง เขียนว่า กู้ชาติ และแขนเสื้อติดคำว่า สรส. หรือ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ได้เดินเข้ามาต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่นายชัยรัตน์  ไม่สนใจ และพยายามเดินหนี เข้าหาตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมเลิกรา ยังเดินตามหลังมาตลอด และด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายอย่างรุนแรง นายชัยรัตน์  จึงได้หยุดเดิน เพื่อพยายามสอบถามถึงสาเหตุ และแสดงตัว พร้อมทั้งยื่นบัตรประจำตัวสื่อมวลชนให้ชายคนดังกล่าวดู แต่ยิ่งทำให้ชายคนดังกล่าวเกิดความฉุนเฉียวรุนแรงมากขึ้น  และทำท่าจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย


 


นายชัยรัตน์ กล่าวว่า  แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะถูกกดดันจากรัฐบาล ตำรวจ ก็ควรจะควบคุมอารมณ์ด้วย ทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ตนเข้ามาทำหน้าที่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสนอความเป็นจริงให้กับประชาชนได้รับทราบ ไม่คิดที่จะก่อความวุ่นวาย


 


"ผมทำงานสื่อมวลชนมาประมาณ 1 ปี ไม่เคยพบกับเหตุการณ์คุกคามสื่อมวลชนมาก่อน แต่ครั้งนี้เป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง จึงอยากจะเตือนเพื่อนสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวในการชุมนุมของพันธมิตรฯ ให้ระวังตัว เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ในสภาวะที่กดดัน และมีความระแวง คิดว่าคนแปลกหน้าจะแฝงตัวเข้ามาเป็นมือที่สามสร้างความวุ่นวาย อาจจะถูกคุกคาม หรือถูกทำร้ายร่างกายได้" นายชัยรัตน์ กล่าว


 


และช่วงค่ำเกิดเรื่องกับผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอสหรือทีวีไทย ที่ตระเวนเก็บภาพวิถีชีวิตของชาวม็อบเพื่อนำเสนอเป็นสกู๊ปโทรทัศน์ ปรากฎว่าถูกกลุ่ม "นักรบศรีวิชัย" ซึ่งถือไม้อยู่ในมือโผเข้ามาสกัด โดยกล่าวว่า "มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูเป็นนักรบศรีวิชัย หรือว่ามึงอยากจะโดนดี" พร้อมทั้งง้างไม้จะตี แต่ปรากฎว่าการ์ดพันธมิตรฯ อีกสองคนได้เข้ามาห้ามไว้


 


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ร้องเรียนไปยังนายกิตติชัย ใสสะอาด รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ เนื่องจากเกรงว่าจะผู้สื่อข่าวคนอื่นๆจะไม่ได้รับความปลอดภัยในการทำหน้าที่ ซึ่งนายกิตติชัย ยอมรับว่าการ์ดค่อนข้างเหนื่อยล้าจากการชุมนุมมายาวนาน อาจจะกระทำการที่ไม่เหมาะสมไปบ้าง โดยรับปากว่าหากสื่อมวลชนติดบัตรสื่อมวลชน ก็สามารถทำข่าวการชุมนุมได้อย่างเต็มที่ ไม่มีการปิดกั้น โดยตนจะไปทำความเข้าใจกับนักรบศรีวิชัยทุกคน พร้อมทั้งแจ้งว่าตนจะเปลี่ยนชื่อ "นักรบศรีวิชัย" ใหม่ โดยตัดคำว่า "นักรบ" ออกเหลือเพียง "ศรีวิชัย" เท่านั้น


 


ทางด้านนายพิชิต ไชยมงคล โฆษกเวที ประกาศว่า ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมและหน่วยรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกและให้ความร่วมมือกับสื่อมวลชนเพราะหากเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเชื่อว่าเอเอสทีวีจะต้องถูกปิด ดังนั้นสื่อมวลชนที่เหลือจึงจะเป็นกระบอกเสียงเพียงอย่างเดียวของพันธมิตรฯแต่ขณะเดียวกันอยากขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ติดบัตรแสดงตนตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม หากข่าวใดที่ถูกบิดเบือนเป็นหน้าที่ของผู้ปราศรัยบนเวทีที่จะชี้แจงเอง ยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะให้เสรีภาพสื่อมวลชนอย่างเต็มที่ เราจะไม่ทำร้ายสื่อมวลชนภาคสนามทุกคน


 


 






หัวอกสื่อทำเนียบ


ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน


 


ศศินภา วัฒนวรรณรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน



เวลา 15.00 น. ได้ขึ้นไปสังเกตการณ์ทางเชื่อมระหว่างตึกบัญชาการ 1-2 เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าตำรวจจะบุกเข้าทางประตู 9 ที่อยู่ระหว่างตึกบัญชาการ 1 และ 2 ซึ่งกลุ่มการ์ดพันธมิตรได้มีการเตรียมตรึงกำลังบริเวณประตู และให้กลุ่มพันธมิตรที่เป็นผู้หญิงมานั่งอยู่ด้านหน้า ซึ่งขณะนั้นมีขบวนรถขนผู้ต้องหา 10 คัน รถตู้ 9 คัน และรถกระบะของตำรวจ 1 คัน วิ่งผ่านมาบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าวัดโสมนัสราชวรวิหาร


 


การ์ดพันธมิตรเข้ามาไล่ให้ลงจากตึก แม้จะแสดงตนว่าเป็นผู้สื่อข่าวด้วยการโชว์บัตรประจำตัวนักข่าวให้การ์ดดูเพื่อจะได้ทำหน้าที่สื่อ กลับไม่มีใครรับฟัง พร้อมกันนี้นายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ได้เข้ามาต่อว่าและออกคำสั่งให้ลงจากตึกในทันที แม้จะพยายามชี้แจงว่าเป็นการทำงาน ถือว่าต่างคนก็ต่างทำงาน แต่นายภูวดลไม่สนใจ พร้อมกับกระชากตัวนักข่าวจากไทยรัฐและข่าวสดที่เป็นผู้ชายออกไปก่อน


 


ด้วยความที่เป็นนักข่าวหญิง เมื่อนายภูวดลจะเข้ามาจับจึงได้สะบัดมือ ทำให้นายภูวดลใช้ 2 มือกระชากตัวอย่างแรง พร้อมกับเหวี่ยงออกไป พร้อมทั้งตะโกนใส่หน้า จนตกใจและน้ำตาไหลพราก บอกว่า "คุณมารุนแรงกับพวกเราได้อย่างไร เราเป็นสื่อมวลชน เรามาทำหน้าที่ เหมือนกับที่พวกคุณทำหน้าที่อยู่ และเราก็เป็นผู้หญิงคุณไม่สมควรที่จะมาจับเนื้อต้องตัวเรา คุณไม่มีสิทธิ"


 


นายภูวดลพนมมือและตะโกนบอกว่า "ขอโทษ แต่ต้องออกไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครมีสิทธิมายืนตรงนี้ทั้งนั้น พวกคุณเป็นใคร" และถ้อยคำอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้จะอ้างว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้สื่อมวลชนทำงานได้ แต่นายภูวดลก็ยังบอกว่า "ใครสั่งไม่เกี่ยว แต่ผมไม่ให้คุณอยู่ ถ้าไม่ไป ผมจะให้นักรบศรีวิชัยมาจัดการ" และหันไปสั่งให้เรียกบรรดาการ์ดอีกนับ 10 ขึ้นมาบนอาคาร


 


กระทั่งเมื่อเดินลงมาจากตึกก็เกิดเหตุชุลมุน และมีพันธมิตรผู้หญิงเข้ามาฉุดกระชากตัวอีกครั้ง พร้อมกับขู่ว่าจะเจอดีแน่ ส่วนผู้ชุมนุมอีกหลายร้อยคนก็เข้ามาโห่ และตะโกนไล่ตามหลังด้วยถ้อยคำหยาบคาย ... ซึ่งกว่าจะพ้นประตูทำเนียบรัฐบาลมาได้ ต้องให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร เดินแหวกการ์ดและกลุ่มพันธมิตรออกมาส่ง


 


 


สุทธา พิมาลัย ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ


 


เรายืนอยู่บนทางเชื่อมนานเป็นชั่วโมงแล้วการ์ดถึงเข้ามาไล่ ก็พยายามชี้แจงให้เข้าใจว่าเรากำลังทำหน้าที่ แต่เขาก็ไม่ฟัง และพอมีเสียงหนึ่งตั้งคำถามว่า "เป็น นปก.ปลอมตัวมาหรือเปล่า" สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ เพราะมีเสียงแทรกมาอีกว่า "ลงมาจากตึกเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะยิงด้วยหนังสติ๊ก" ตอนที่เขามาจับตัวน้อง ผมก็เข้าไปขวางก็จะถูกเล่นงาน แม้เราจะอธิบายกับกลุ่มการ์ดซึ่งเป็นนักรบศรีวิชัยแล้วว่าเรากำลังทำหน้าที่สื่อ


 


ผมเข้ามาทำข่าวในทำเนียบตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม เป็น 3 วันที่ทำงานยากและลำบากมาก ระบบรักษาความปลอดภัยที่ตรึงจนเราแทบจะขยับตัวทำหน้าที่ไม่ได้ และยิ่งมีข่าวลืออยู่ตลอดวันว่าจะมีการสลายการชุมนุม เราก็อยากจะหาข่าว แต่การ์ดก็จะพยายามขัดขวางไม่ให้พวกเราเดิน ความจริงแล้วมีการพูดคุยเรื่องการทำงานกับทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรแล้ว ซึ่งเขาก็รับปากจะอำนวยความสะดวก แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้ทุกที ผมอยากให้อะลุ้มอล่วยกันบ้าง เพราะสื่อก็ต้องการพื้นที่ในการทำงานเหมือนกัน แต่เราจะไปไหนก็ไปไม่ได้ ผมว่าไม่เฉพาะพันธมิตรเท่านั้นที่เครียด สื่อมวลชนก็เครียดเหมือนกัน



 


 


ที่มา: มติชน คมชัดลึก แนวหน้า ประชาทรรศน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net