Skip to main content
sharethis

อธิบดีกรมการปกครองบอกไม่มีอำนาจอนุมัติน้องหม่องไปแข่งร่อนจรวด
มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 กันยายนทั้งนี้ ด.ช.หม่องพร้อมนายดวงฤทธิ์ เภติมา ผู้อำนายการโรงเรียนบ้านห้วยทราย นางวินัสรินทร์ มีทรัพย์ ครูโรงเรียนบ้านห้วยทราย พร้อมนักวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะเดินทางมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้อนุมัติให้ ด.ช.หม่องเดินทางออกนอกประเทศ แต่นายชวรัตน์ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้นายชำนิ บูชาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้รับเรื่องแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการหารือ นายวงศ์ศักดิ์กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจที่จะอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวออกนอกประเทศ เพราะไม่มีกฎหมายใดรองรับหรือให้อำนาจไว้ และมีข้อกฎหมายระบุชัดเจนว่า คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หากเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ถือว่าการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันสิ้นสุด

ลั่นไม่มีใครห้ามให้เด็กไป แต่ออกไปแล้วอาจเข้าไม่ได้อีก ถือเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมือง
"ไม่มีใครห้ามไม่ให้เด็กไป แต่หากออกจากประเทศไทยไปแล้ว จะไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก เพราะถือว่าพ้นจากการเป็นแรงงานต่างด้าว และจะกลายเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมือง" นายวงศ์ศักดิ์กล่าว

นายชำนิกล่าวว่า ไม่ใช่ว่านายชวรัตน์ไม่ต้องการให้เดินทางไป แต่เป็นเพราะกฎหมายไม่เปิดช่อง หรือให้อำนาจไว้ เพราะตอนนี้ทุกคนก็เอาใจช่วย

ชำนิลั่นมนุษยธรรมต้องอยู่ใต้กฎหมาย
ด้าน น.ส.อัจฉรา สุทธิสุนทรินทร์ ผู้ช่วย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขึ้นหารือ พร้อมระบุว่า มีปฏิญญาสากล ที่ให้สิทธิเสรีภาพในการเดินทาง และไม่ปิดกั้นให้การศึกษาหาความรู้ แต่นายวงศ์ศักดิ์โต้แย้งว่า ไม่ว่าปฏิญญาใดๆ ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ทุกประเทศก็ทำเช่นเดียวกัน การให้เรียนไม่ถือเป็นการให้สิทธิทางสัญชาติ ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะยังมีเด็กที่เป็นลูกแรงงานต่างด้าวอีกนับแสนคนที่อยู่ในสภาพเดียวกัน แต่รัฐบาลไทยไม่เคยคิดที่จะผลักดัน เพราะถือว่าประเทศไทยยึดหลักมนุษยธรรม

ขณะที่นายดวงฤทธิ์กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า หากมีมนุษยธรรมก็ควรที่จะมีความเมตตากับ ด.ช.หม่อง ให้มีโอกาสทำหน้าที่เพื่อประเทศไทย ซึ่งนายชำนิชี้แจงว่า มนุษยธรรมก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจที่จะอนุมัติ หรือไม่อนุมัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างดุเดือด โดยมีการยกข้อกฎหมายต่างๆ มาโต้เถียงกัน สุดท้ายนายวงศ์ศักดิ์สรุปว่า กระทรวงมหาดไทยได้หารือเรื่องนี้แล้วหลายรอบ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องการขอสัญชาติ แต่เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของความมั่นคง แม้จะรู้ว่าเด็กไม่ได้มีผลกับความมั่นคง แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย

"ยืนยันว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจในการอนุญาตหรือ ไม่อนุญาตให้ ด.ช.หม่องเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนกรณีอื่นๆ ที่กระทรวงมหาดไทยเคยอนุญาตนั้น สถานะของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน และไม่ได้เป็นแรงงานต่างด้าว แต่เรื่องนี้จะเป็นกรณีตัวอย่าง ที่อาจจะมีการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขข้อกฎหมาย หลายฝ่ายจะต้องร่วมประชุมกันในเรื่องนี้" นายวงศ์ศักดิ์กล่าว

น้องหม่องร้องไห้โฮ บอกถ้าไม่ได้ไปจริงๆ ขอให้เพื่อนตำแหน่งรองไปแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการหารือผู้สื่อข่าวได้เชิญ ด.ช.หม่องออกมาด้านนอกห้อง และสอบถามว่า เข้าใจเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันหรือไม่ ด.ช.หม่องกล่าวว่า เข้าใจ ก่อนร้องไห้น้ำตานองหน้า และกล่าวว่าผมอยากไป เพราะผมฝึกมาตลอด ผมอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยให้ผมได้ไป แต่ผมรู้ที่ผู้ใหญ่คุยกันว่าผมไปไม่ได้ เพราะผมเป็นลูกแรงงานต่างด้าว ไม่มีสัญชาติไทย หากผมไม่ได้ไปจริงๆ ผมอยากให้กำลังใจเพื่อนที่แข่งได้ตำแหน่งรองจากผมให้เขาไปแทน และขอให้สู้ให้เต็มที่ เพื่อให้ได้ชัยชนะกลับมา ส่วนผมคงจะฝึกต่อไป เผื่อว่าสักวันหนึ่งผมจะมีโอกาสได้ไปบ้าง จากนั้น ด.ช.หม่องได้กลับเข้ามาในห้องทำงานนายวงศ์ศักดิ์ นางวินัสรินทร์จึงได้ดึงตัว ด.ช.หม่องมากอด ทำให้ทั้งคู่ต่างพากันร้องไห้

จะขอสภาทนายความมาดูเรื่องกฎหมาย
น.ส.อัจฉราให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า จะให้สภาทนายความช่วยดูในเรื่องของข้อกฎหมาย และจะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง แม้ว่าในห้วงเวลาอาจจะไม่ทันทำให้ ด.ช.หม่องไม่สามารถเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ก็จะถือเป็นกรณีตัวอย่าง แต่ตอนนี้ยังไม่ถือว่าหมดหวัง

ด้านนายดวงฤทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการประสานงานจากสภาทนายความ จะส่งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายมาช่วยเหลือและหาทางออกให้ โดยจะยื่นหนังสือถึงนายชวรัตน์ขอให้ทบทวนและอนุญาตให้ ด.ช.หม่องเดินทางออกนอกประเทศได้ ส่วน ด.ช.หม่องแม้จะมีอาการซึม น้ำตาคลอเบ้าบางครั้ง ก็ยังมีสภาพจิตใจเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยพร้อมสู้ เพื่อรักษาสิทธิและโอกาสที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้รับ และวันที่ 3 กันยายนนี้ จะขอเข้าพบคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อรายงานข้อเท็จจริง และขอความช่วยเหลือกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

เสี่ยจิ้นลั่นเป็นแชมป์พับจรวดจะเปลี่ยนสัญชาติไม่ได้ จะเสียบรรทัดฐาน จึงให้ไปแข่งในนามพม่า
ด้านนายชวรัตน์กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่ ด.ช.หม่องจะเข้าพบตน ถ้าจะมีการอ้างว่าแข่งขันได้ที่หนึ่ง แล้วจะสามารถเปลี่ยนสัญชาตินั้น ไม่ได้ จะทำให้เสียบรรทัดฐานของกฎกระทรวงที่มีอยู่ เรื่องนี้อธิบดีกรมการปกครองเป็นคนดูแล อย่างไรก็ตาม ด.ช.หม่องสามารถเดินทางไปแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ต้องในนามสัญชาติพม่า พำนักประเทศไทย ถือว่าเป็นตัวแทนพม่า

กระทรวงการต่างประเทศให้น้องหม่องไปลุ้นเองว่าญี่ปุ่นจะรับวีซ่าหรือไม่
น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทย โดยสำนักกิจการความมั่นคงภายใน ส่วนประสานราชการได้เคยพิจารณาอนุญาตให้บุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย แต่เป็นคนต่างด้าว สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เป็นรายกรณี โดยกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือขอความร่วมมือให้กระทรวงออกเอกสาร เดินทางประเภทที่เหมาะสมและสามารถตรวจลงตราได้ โดยได้ยืนยันว่า คนต่างด้าวดังกล่าวสามารถเดินทางกลับเข้ามาพำนักอาศัยในราชอาณาจักรไทยได้ อีก อาทิ นางอายุ นามเทพ ที่เดินทางไปร่วมแข่งขันดนตรีที่เกาหลีใต้ และ น.ส.ศรีนวล เสาร์คำนวล ที่ได้ทุนไปศึกษาต่อในสหรัฐ

"กรณี ด.ช.หม่อง กระทรวงการต่างประเทศ สามารถออกเอกสารเดินทางคนต่างด้าวเล่มสีเหลืองชนิดอ่านด้วยเครื่อง มีอายุใช้งาน 1 ปีให้ พร้อมกับออก Re-Entry Visa ให้สามารถเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้อีก โดยอาศัยหนังสือยืนยันที่กระทรวงมหาดไทยประสานมาแล้วเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินการต่อไป ส่วนกรณีที่ว่า ด.ช.หม่องจะได้รับวีซ่าจากทางญี่ปุ่นหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับการพิจารณาของทาง การญี่ปุ่น" น.ส.วิมลกล่าว


ที่มา: เรียบเรียงจาก มติชนออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net