Skip to main content
sharethis
 
 
 
 
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.53  เวลา 9.00 น. ที่งานรำลึก 14 ตุลา 16 ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม สี่แยกคอกวัว ราชดำเนิน ขณะที่นาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ ตัวแทนของรัฐบาล นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมถึงตัวแทนองค์กรประชาธิปไตยและแรงงาน ตัวแทนชาวบ้านนักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนและตัวแทนนิสิตนักศึกษากล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตยนั้น ได้มีคนแต่งหน้าผีประมาณ 5 คนจากกลุ่มประกายไฟและเครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย ออกมาร่วมภายในงานดังกล่าว พร้อมข้อความ ว่า “14 ตุลา 16 เรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องประชาธิปไตย ที่นี่มีคนตาย” และ “10 เมษา 53 เรียกร้องเลือกตั้ง เรียกร้องประชาธิปไตย ที่นี่มีคนตาย”
 
นอกจากนี้ยังมีการเดินแจกจดหมายในชื่อ “จดหมายผีบอก ที่นี่มีคนตาย” ภายในอนุสรณ์สถานด้วย โดยกลุ่มดังกล่าวได้เข้าไปยื่นจดหมายแก่ผู้ที่มากล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตย ทั้งนายองอาจ นายแพทย์นิรันดร์ และตัวแทนองค์กรต่างๆ  โดยเนื้อความในจดหมายดังกล่าว มีดังนี้
 
 

จดหมาย ”ผี” บอก ที่นี่มีคนตาย!
 
ณ ที่แห่งนี้มีคนตาย เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 เป็นการสั่งสมของความกดดันของการเมืองไทยที่อยู่ใต้ ระบบเผด็จการ มาเป็นเวลายาวนาน มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่แล้วฉีกทิ้งทำลาย สิทธิเสรีภาพที่ประชาชนพึงมีพึงได้ถูกปฏิเสธและเหยียบย่ำ อำนาจการเมืองการปกครองก็ตกอยู่ในมือของคณาธิปไตยเพียงไม่กี่คน ทั้งนี้โดยอาศัยกลไกของรัฐ ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนเป็นเครื่องมือ ในขณะที่การเติบโตขึ้นของเครือข่ายนักศึกษาปัญญาชนและผู้ที่ไม่พอใจในระบอบเผด็จการทหาร จนมีการรณรงค์ “เรียกร้องรัฐธรรมนูญ” ซึ่งตามมาด้วยการจับกุม “13 กบฏ” การหลอมรวมพลังทางการเมืองครั้งสำคัญของสังคมไทยจึงเกิดขึ้น ระเบิดเป็นเหตุการณ์ “14 ตุลา 16” ซึ่งในวันดังกล่าวฝ่ายที่ต้องการกุมอำนาจตอบโต้โดยทหารและตำรวจออกปราบฝูงชนโดยใช้ทั้งอาวุธปืน รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ มีการต่อสู้ปะทะกันตลอดสายถนนราชดำเนินตั้งแต่ผ่านฟ้าถึงสนามหลวง[1] ซึ่งปิดฉากลงด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 77 คน บาดเจ็บ 857 คน ผลคือ เผด็จการทหารอย่างจอมพลถนอม จอมพลประภาส และ พ.อ.ณรงค์ ต้องเดินทางออกนอกประเทศ
 
ณ ที่แห่งนี้มีคนตาย เหตุการณ์ 10 เมษายน 53 เป็นการสั่งสมของความกดดันของการเมืองไทยที่อยู่ใต้ ระบบเผด็จการ ตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ทำการยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากระบอบรัฐสภา  มีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง สิทธิเสรีภาพที่ประชาชนพึงมีพึงได้ถูกปฏิเสธและเหยียบย่ำ อำนาจการเมืองการปกครองก็ตกอยู่ในมือของคณาธิปไตย(อำมาตยาธิปไตย)เพียงไม่กี่คน  แม้จะมีการเลือกตั้งแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ถูกแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ จนต้องถูกยุบส่งผลให้รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากกระบวนการฉันทามติ(การเลือกตั้ง)ในแรกเริ่มได้ครองอำนาจ ทำให้ผู้ที่ไม่พอใจในระบอบที่เกิดจากการแทรกแซงของอำนาจนอกระบบดังกล่าว จนมีการรณรงค์ “เรียกร้องให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่” มีการชุมนุมหลายครั้งของประชาชนผู้ไม่พอใจดังกล่าว 
 
จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ซึ่งในวันดังกล่าวฝ่ายที่ต้องการกุมอำนาจได้ปราบฝูงชนโดยใช้ทั้งอาวุธปืน รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ ภายใต้วาทกรรม “ขอพื้นที่คืน” มีการปะทะกันตลอดสายถนนราชดำเนินตั้งแต่บ่ายของวันดังกล่าว จนกระทั้ง 18.00 น. ซึ่งถือเป็นเวลาค่ำทหารยังไม่หยุดปฏิบัติการได้เคลื่อนพลมาที่แยกคอกวัว บนเส้นทางถนนตะนาวและบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันในเวลาต่อมา ซึ่งปิดฉากลงด้วยผู้เสียชีวิต 25 คน ผู้บาดเจ็บ 865 คน
 
ผลคือ รัฐบาล(ที่อ้างมาจากประชาชน)ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป โดยไม่เรียนรู้บทเรียนจากการปราบปรามประชาชน เพียงแค่เปลี่ยนจาก “ข้อคืนพื้นที่” เป็น “กระชับวงล้อม” แล้ว เปลี่ยนยุทธวิธีเป็นการเคลื่อนที่เข้าไปในลักษณะเหมือนในสนามรบ ซึ่งต้องยอมรับว่าการจัดกำลังเข้าดำเนินการในครั้งนี้ ไม่ได้ทำเหมือนกับการควบคุมฝูงชน[2] จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 91 และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน และแน่นอนยังมีตัวแทนมากล่าว “กล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตย” ในวันนี้(14 ตุลา) 
 
ข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องรอการพิสูจน์คือ วันที่ 10 เมษายน 2553 มีการพยายามสลายการชุมนุมบริเวณนี้ของฝ่ายรัฐภายใต้การกุมอำนาจบริหารของรัฐบาลชุดนี้ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากทั้งฝั่งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐเอง “จริง” ดังนั้น
           
1. ข้อเท็จจริงนี้เพียงพอแล้วที่รัฐบาลที่อ้างมาจากประชาชนจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภาทันที เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่เผด็จการทหารอย่างจอมพลถนอม จอมพลประภาส และ พ.อ.ณรงค์ ที่ต้องเดินทางออกนอกประเทศหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ทันที่โดยไม่ต้องรอการพิสูจย์อะไร 
           
2. แม้รัฐบาลชุดนี้จะมาตรฐานต่ำกว่าเผด็จการทหารอย่างจอมพลถนอม จอมพลประภาส และ พ.อ.ณรงค์ ในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ก็ควรมี “ความละอายใจ” บ้างที่จะมา“กล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตย”
           
3. องค์กรต่างๆที่มา “กล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตย” ในวันนี้ก็ต้องประณามรัฐบาลที่มี มาตรฐานต่ำกว่าเผด็จการทหาร ที่ทำการปราบปรามวีรชนประชาธิปไตยที่คุณมากล่าวสดุดี ต่อให้รักปานจะกลืนอย่างไรก็ต้องประณาม ไม่เช่นนั่นมาตรฐานนี้จะติดตัวต่อไป และแน่นอนคุณไม่มีหลักประกันเลยว่ารัฐบาลต่อไปจะเป็นรัฐบาลที่คุณรักหรือไม่ หรือคุณจะไม่ประท้วงรัฐบาลต่อจากนี้เลย
 
ปล่อยให้รัฐบาลที่มาตรฐานต่ำกว่าเผด็จการทหารอย่างจอมพลถนอม จอมพลประภาส และ พ.อ.ณรงค์ ลอยนวล

จะมาสดุดีวีรชนประชาธิปไตยกับ “ผี” อะไร?
 
 
 
อ้างอิง
[1] ทีมา www.14tula.com
[2] พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก แถลงการณ์ปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารในการขอคืนพื้นที่ ในวันที่ 19 พ.ค.53 (แถลง 20 พ.ค.53 )
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net