Skip to main content
sharethis

18 ก.พ. 56  สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายพงษ์ดิษฐ พจนา รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยถึงกรณีการหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา วันที่ 4-12 เมษายน 2556 ปตท.แจ้งว่ามีการทรุดตัวของแท่นขุดเจาะที่แหล่งยาดานา ประเทศพม่า ทำให้ก๊าซธรรมชาติหายไปวันละ 1,030 ล้านลูกบาศก์ฟุต คิดเป็นกำลังผลิตประมาณ 6,000 เมกะวัตต์ ซึ่งก๊าซที่หายไปจะส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าในฝั่งภาคตะวันตกทั้งหมด ได้แก่ โรงไฟฟ้าบริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) โรงไฟฟ้าบริษัทราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด และโรงไฟฟ้าบริษัทไตรเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด โรงไฟฟ้า พระนครใต้ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ และโรงไฟฟ้าวังน้อย
 
นายพงษ์ดิษฐ กล่าวว่า ในช่วงที่มีการหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา ระหว่างวันที่ 4-12 เมษายน 2556 จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 26,500 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ช่วงดังกล่าวมีกำลังผลิตสำรองในระบบต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งในส่วนของ กฟผ.ได้เตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบไม่ให้เกิดไฟดับ 8 แนวทาง คือ 1. เตรียมนำโรงไฟฟ้าน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเดินเครื่องทดแทนโรงไฟฟ้าก๊าซที่หายไป คาดการณ์ว่าจะดึงโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงน้ำมันเตามาทดแทน 130 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล 75 ล้านลิตร 2.รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (เอสพีพี) เพื่อเสริมระบบ 3.เดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเต็มที่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ขนาด 600 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ขนาด 960 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าเทิน-หินบุน ขนาด 440 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าห้วยเฮาะ ขนาด 126 เมกะวัตต์ 4.เร่งรัดและจัดแผนทดสอบโรงไฟฟ้าทั้งหมดที่อยู่ในข่ายต้องเดินเครื่องด้วย เชื้อเพลิงดีเซลให้มีความพร้อมในการเดินเครื่องก่อนเริ่มหยุดผลิตก๊าซ ธรรมชาติจากแหล่งยาดานา 5. ประสานงานกรมชลประทานเพิ่มการระบายน้ำในการผลิตไฟฟ้า ลดใช้น้ำมันให้น้อยลง 6.เลื่อนแผนบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าทั้งหมดในช่วงหยุดผลิตก๊าซ 7.ประสานงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ย้ายโหลดสถานีไฟฟ้าแรงสูงลาดพร้าว และสถานีไฟฟ้าแรงสูงรัชดาภิเษก และประสานงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ย้ายโหลดออกจากบริเวณสถานีไฟฟ้าแรงสูงสามพราน 1 ประมาณ 200 เมกะวัตต์ ไปสถานีไฟฟ้าแรงสูงข้างเคียง เพื่อช่วยเพิ่มแรงดันที่สถานีไฟฟ้าแรงสูง บางกอกน้อย และ 8.ประสานงาน กฟภ. และ กฟน. เตรียมแผนดับไฟฟ้า สำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหน่วยงานละ 350 เมกะวัตต์

โฆษก กฟผ. กล่าวว่า จากแนวโน้มสถานการณ์ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยจะหมดลงในอีก 10  ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ อาจส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในระบบไฟฟ้า ทางเลือกในการนำก๊าซธรรมชาติเหลวในรูปของแอลเอ็นจีจากต่างประเทศ มีราคาสูงเป็น 2 เท่า ทำให้มีผลต่อราคาค่าไฟที่จะต้องปรับขึ้นในอนาคต ทางเลือกเหมาะสมที่สุดที่จะคลี่คลายปัญหาดังกล่าว คือ การพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศ โดยแสวงหาเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นทดแทนก๊าซธรรมชาติ ที่สำคัญควรเป็นเชื้อเพลิงที่มีความเสถียรต่อระบบไฟฟ้า ทำให้ราคาค่าไฟถูก ซึ่งกระทรวงพลังงาน และ กฟผ. เล็งเห็นว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินนำเข้าเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุดในขณะนี้ด้วย เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ สามารถกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนานาประเทศได้ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินมาแล้วอย่างยาวนาน และมีแนวโน้มจะผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงดังกล่าวในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net