Skip to main content
sharethis

แฟ้มภาพ

1 ก.ค. 2562 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ อนุชา นาคาศัย ส.ส. จังหวัดชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ ได้แถลงข่าวภายหลังจากได้หารือกับผู้ใหญ่ในพรรค และ ส.ส. กลุ่มสามมิตร 30 คน การหารือและการแถลงข่าวครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. กลุ่มสามมิตรได้แจ้งรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ทั้งหมด 3 รายชื่อคือ สมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งยอมรับตำแหน่งจากเดิมคือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเปิดทางให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาล สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอนุชา นาคาศัย ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เมื่อมีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับให้ สุริยะ ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแทน และให้สนธิรัตน์ มาดำรงตำแหน่งแทน ส่วนอนุชา ซึ่งมีชื่ออยู่ในโผ กลับไม่มีชื่อในโผ ครม. ล่าสุด

อนุชา กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรมีจุดยืนสำคัญอยู่ 5 ข้อคือ 1.สุริยะ มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มากกว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากตระกูลของสุริยะ มีธุรกิจขนาดใหญ้ด้านอุตสาหกรรม อาจจะเป็นสาเหตุที่ทพให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ และอุตตม ยาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเองก็ได้เสนอรายชื่อให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติไปเรียบร้อยแล้ว การสลับตำแหน่งภายหลังจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นโดยไม่จำเป็น สำหรับในส่วนของตนเองนั้น ก็ขอให้ยึดตาม โผครม. เดิม ที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตามที่ได้มีการเสนอไปแต่แรก

อนุชา กล่าวต่อว่า 2.หากข้อ 1 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชื่อว่า ทางกลุ่มสามมิตรจะสามารถร่วมงานกับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.นอกจากงานด้านการบริหารแล้ว ทางกลุ่มก็จะสามารถช่วยงานในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างมีประสสิทธิภาพด้วย 4.แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง กลุ่มสามมิตรเห็นว่า รัฐบาลจะขาดบุคคลที่มีความสามารถ และประสบการณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพรรค และ 5.หากมีการประกาศรายชื่อ ครม. อย่างเป็นทางการ แต่ไม่ตรงกับความเห็นของกลุ่ม ทางกลุ่มจะหารือเพื่อแสดงจุดยืนอีกครั้ง

นอกจากนี้ สิระ​ เจนจาคะ​ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า​ เตรียมจะเสนอญัตติในประชุมพรรค​ พปชร. วันที่​ 2​ ก.ค.​ เพื่อขับไล่นายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์​ ออกจากเลขาธิการพรรค​ เพราะขณะนี้มีปัญหาความมั่นคงของพรรค​ และปัญหาที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้นั้นเป็นเพราะตัวเลขาธิการพรรคหรือไม่ ที่ทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค โดยการออกจากเลขาธิการพรรคเป็นการแสดงความรับผิดชอบเบื้องต้น

"ท่านต้องเสียสละให้กับพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้​ ท่านบอกทำงานเพื่อพรรค​ เพื่อประชาชน​ เพื่อประเทศ​ ท่านต้องเสียสละไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น" สิระ กล่าว

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ติดตามว่า ได้มีการยื่นราชฃยชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วหรือยัง โดยพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวด้วยตนเอง แต่ได้นำเอกสารมาแจกผู้สื่อข่าว ซึ่งมีเนื้อหาชี้แจงปัญความขัดแย้ง ภายในพรรคพลังประชารัฐ เรื่องโผ ครม. โดยสารดังกล่าว ระบุว่า

"นายกรัฐมนตรีมีความรู้สึกไม่สบายใจ และต้องขอโทษประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเป็นบุคคลที่พรรคเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเวลานี้มีข่าวสารภายในพรรคตามที่ปรากฏตามสื่อมากมาย อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแม้ว่าจะมีปัญหาอยู่บ้างในการบริหารภายในพรรค เนื่องจากเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สาขาสมาชิกมาจากหลายกลุ่มหลายสาขา มีความมุ่งมั่น จะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหน้าที่บริหารในคณะรัฐมนตรีให้ดีที่สุด

การบริหารบุคลากรเป็นเรื่องยากที่ทำให้ทุกคนพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้ประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้มากที่สุด โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ในฐานะรัฐบาลของคนไทย ซึ่งจะถือเป็นเรื่องการเริ่มต้นปฏิรูปทางการเมือง ของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิมจนต้องแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก

นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการตำหนิใครหรือสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต้องทำงานให้ได้ เพราะทุกคนคือคนไทย แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว ต้องได้รับการดูแลจากรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม"

ขณะที่ สนธิรัตน์ กล่าวภายหลังสิระ และกลุ่มสามมิตร เตรียมเสนอญัตติในที่ประชุมพรรคเพื่อขับออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมือง ตนมีความทุ่มเทตั้งใจรับใช้ชาติบ้านเมืองในตำแหน่งต่าง ๆ โดยเมื่อได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็ตามตนได้มุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าให้หลุดพ้นจากปัญหาที่สะสมมา ทำงานอย่างเต็มความสามารถและได้มุ่งมั่นสร้างประโยชน์ให้ตกกับพี่น้องประชาชนในหน้าที่นั้น ๆ 

ส่วนประเด็นปัญหาความขัดแย้งในการเข้าดำรงตำแหน่งในกระทรวงที่กล่าวถึงขณะนี้นั้น ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ที่จะเลือกกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งในการทำงาน และพร้อมทำงานในกระทรวงที่ได้รับมอบหมายหากเห็นว่าเหมาะสม ดังเช่นตอนแรกที่มีกระแสข่าวได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ได้เตรียมงานและเตรียมนโยบายในการบริหารกระทรวง ที่จะใช้อุตสาหกรรมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และได้เตรียมบุคลากรมืออาชีพเข้ามาเป็นทีมงานในการทำงานในกระทรวง ส่วนกรณีกระแสข่าวที่จะให้ไปดำรงตำแหน่งในกระทรวงพลังงาน ตนเองมีความรู้สึกเสียใจในปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้หรือเกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งแต่ประการใด ดังนั้น ตนขอแสดงเจตนารมณ์ไม่มีความประสงค์และไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหวังว่าทุกสิ่งจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพื่อพวกเราจะได้ร่วมมือกันทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป

สนธิรัตน์ กล่าวว่า พร้อมรับฟังความเห็นต่างและเคารพเสียงประชาชนทุกคะแนนเสียง โดยเชื่อว่าขณะนี้ประชาชนอยากเห็นการเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ และเพื่อให้เกิดการทำงานที่ราบรื่น จึงเห็นว่าพรรคควรเดินหน้าและร่วมมือกันพัฒนานโยบายพัฒนาประเทศทุกด้านเพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความสบายใจและเชื่อมั่นทางการเมืองและเศรษฐกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net