Skip to main content
sharethis

โฆษกกลุ่มสามมิตร เตรียมขน 40 คนรุ่นใหม่ปะเภทดาวฤกษ์ 40 คน พร้อมด้วยอดีต ส.ส. 30 คน เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ สยบข่าวแบ่งพื้นที่ลง ส.ส. เขต ไม่ลงตัว ชูใช้โพลเป็นเครื่องมือตัดสินความนิยมในพื้นที่ทับซ้อน ด้านว่าที่กรรมการบริหารพรรคระบุ สามมิตร กับพรรคแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

4 ต.ค. 2561 ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ยืนยันชัดเจนแล้วว่ากลุ่มสามมิตรจะร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนได้ ที่สำคัญพรรคพลังประชารัฐตอบรับที่จะนำนโยบายของกลุ่มสามมิตรไปเป็นนโยบายของพรรคด้วย เช่นโครงการโคแก้จน การปรับสวัสดิการให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข ( อสม.)  ผู้สูงอายุ และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพปร.)

“ที่ผ่านมากลุ่มสามมิตรลงพื้นที่รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนมาตลอด 4 เดือน ทำให้เราเข้าใจความต้องการของประชาชนเป็นอย่างดี และได้นำข้อมูลต่าง ๆ มากำหนดเป็นนโยบายของกลุ่ม เชื่อว่านโยบายเหล่านี้จะได้รับการตอบรับจากพี่น้องคนยากคนจน” โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า กรณีที่สมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ได้เดินทางไปร่วมการประชุมจดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากยังไม่สามารถตกลงกันเรื่องการส่งบุลคลลงรับสมัครเลือกตั้งได้ลงตัว เพราะมีการสรรหาตัวผู้สมัครมาจาก 3 สาย สายแรกเป็นกลุ่มที่สามมิตรดำเนินการมา สายที่สองเป็นกลุ่มบุคคลที่ทหารเป็นผู้สรรหา และสายที่สามเป็นกลุ่มบุคคลที่ ‘คนสนิท’ เสนอเข้ามา ซึ่งทำให้เกิดความสับสนว่าจะมีการจัดสรรการลงสมัครกันอย่างไร

ด้านธนกร กล่าวว่า สำหรับปัญหาพื้นที่ทับซ้อนคงไม่มีปัญหา เพราะพรรคสามารถทำโพลเพื่อคัดเลือกบุคคลที่ดีที่สุด ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดได้ ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มสามมิตรที่จะไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐมีทั้งหมดประมาณ 70 คน ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.ประมาณ 30 คน และนักการเมืองท้องถิ่นรวมถึงนักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ประเภทดาวฤกษ์อีกประมาณ 40 คน โดยในสัปดาห์หน้านายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรจะเปิดตัวสมาชิกในกลุ่มเอง

ขณะที่ สรวุฒิ  เนื่องจำนงค์ ว่าที่กรรมบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงความชัดเจนของกลุ่มสามมิตรในการเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังมีข่าวว่ามีพื้นที่ทับซ้อนกันจนมีสมาชิกบางคนจะลาออก ว่า สำหรับข่าวคราวที่ออกมา อยากให้ฟังจาก สมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความสับสนกัน

สรวุฒิ ระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ทางกลุ่มสามมิตร ได้พูดคุยกับ ‘ผู้ใหญ่’ และหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่คนให้ความสนใจเยอะ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีปัญหาในเรื่องการทับซ้อนของแต่ละพื้นที่ ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรม ในการหารือจึงเห็นว่าควรจะมีการทำโพลผู้สมัครในพื้นที่ที่มีความทับซ้อนกัน เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุด โดยในแต่ละพื้นที่จะมีสถาบันการศึกษา เป็นหน่วยงานวิจัยที่ทำโพลโดยเฉพาะอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปกติที่ผ่านมาพรรคจะมีการประเมินคะแนนนิยมภาพรวม และความนิยมส่วนตัวบุคคลเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเสร็จ ก็เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในส่วนของตัวผู้สมัครมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีพื้นที่ไหนบ้างที่มีแนวโน้มว่าจะต้องทำโพล สรวุฒิ กล่าวว่า กระจายหลายพื้นที่ แต่หลักๆ จะอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ ซึ่งการทำโพลถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า การมีพื้นที่ทับซ้อนกันของผู้สมัคร เป็นเหตุผลหลักที่แกนนำกลุ่มสามมิตร ยังไม่ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในวันเปิดตัวใช่หรือไม่ สรวุฒิ กล่าวว่า ความจริงก็ถือเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว การทำงานไม่มีปัญหาอะไรเลย เพียงแต่ช่วงนี้การทำงานในส่วนของตัวผู้สมัคร ก็ต้องโต้แย้งกันด้วยเหตุผลว่าผู้สมัครของสายไหนดี และถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องตัดสินด้วยการทำโพล เมื่อถามว่า ล่าสุดมีการตรวจสอบหรือไม่ว่าจะมีใครที่จะลาออกไปหรือไม่ สรวุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน

"การคัดสรรผู้สมัคร จะมีแต่ละทีมมาช่วยกันดูว่า แต่ละคนใครแนะนำมา หรือเสนอตัวเอง และหากเราดูแล้วแต่ละคนน่าสนใจหมด ก็จะเสนอไปที่ผู้ใหญ่เพื่อทำโพล แต่การทำโพลอาจจะไม่จบในขั้นตอนเดียว เพราะอาจต้องดูประกบด้วยว่าคู่แข่งเป็นใคร พรรคอะไร ซึ่งในกรณีที่ทำโพลแล้วผู้ใหญ่ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว สำหรับคนที่ไม่ได้รับเลือก ผู้ใหญ่ก็คงจะมีการพิจารณาจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ให้คนที่สนใจมาร่วมงานกับ พปชร.มีความผิดหวังเกิดขึ้นแน่ โดยอาจจะจัดวางให้อยู่ในบัญชีรายชื่อ หรืออาจให้ช่วยงานพรรคหรือรัฐบาลในส่วนอื่นๆ ไป เป็นการจัดให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม และผู้สมัครท่านนั้นพอใจ" สราวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนหรือยังว่ากลุ่มสามมิตรจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเมื่อไหร่ นายสรวุฒิ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะหลังจากที่พรรคไปยื่นจดทะเบียนพรรคเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นหากมีความลงตัวมากขึ้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แกนนำกลุ่มก็พร้อมร่วมงานอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติม กลุ่มสามมิตร ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2561 จากกรณีที่ สมศักดิ์, สุริยะ พร้อมด้วย ภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท ไปพบกับ ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข และวันชัย บุษบา อดีต ส.ส.เลย

โดยวันนั้นปรีชาเปิดเผยว่า สุริยะ สมศักดิ์ และตนเองเคยอยู่พรรคกิจสังคมกันมาก่อน และย้ายมาอยู่พรรคไทยรักไทยด้วยกัน เห็นว่าน่าจะมาระดมสมอง นำนโยบายความคิดของพวกเรามาเป็นนโยบายสานต่อการพัฒนาประเทศ โดยทางกลุ่มเรียกตัวเองว่า กลุ่มสามมิตร มีสุริยะเป็นหัวหน้ากลุ่ม จากนี้จะมีการเดินสายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อคุยกับอดีต ส.ส. เพื่อหาแนวร่วม

โดยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมากลุ่มสามมิตรได้เดินสายเข้าไปพูดกับอดีต ส.ส. และนักการเมืองในหลายพื้นที่ เพื่อชวนเข้ามาร่วมงานกับทางกลุ่ม และมีการรายงานข่าวความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามทางกลุ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำกิจกรรมการทางการเมืองในช่วงเวลาที่ยังไม่ปลดล็อก หรือคลายล็อกพรรคการเมือง รวมทั้งยังมีกรณีที่ สมาชิกในกลุ่มสามมิตร พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ทหาร ในนามกองทัพบก ได้เข้าไปพบปะประชาชนในพื้นที่ และแจกของให้กับประชาชน โดยใช้ทหาร และรถขนของจาก มณฑลทหารบกที่ 22 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่าน

รวมทั้งยังมีกรณีที่ ภิรมย์ พลวิเศษ เลขากลุ่มสามมิตร ได้เปิดตัวผู้สมัคร คือสมาน สุธรรมาภิวัฒน์ นายกฯ อบต.โนนทอง อ.เกษตรสมบูณร์ โดยมีการพาขึ้นรถแห่เป็นขบวนและมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยไม่น้อยกว่า 100 คน เมื่อวันที่ 5 ก.ย. แต่ภิรมย์ ปฎิเสธว่า เดินไปเพียงเพื่อฟังปัญหาราคาอ้อยที่ตกต่ำเพื่อนำมาหารือกับกลุ่มสามมิตรได้รับทราบและส่งต่อไปถึงรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การแก้ไข โดยใช้วิธีประกันราคาอ้อย เช่นเดียวกับการประกันราคาข้าว ส่วนบุคคลที่มีการกล่าวอ้างว่าตนไปเปิดตัวนั้นก็เป็นเพียงผู้ประสานงานระหว่างชาวไร่อ้อยและกลุ่มสามมิตรเท่านั้น

เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย , แนวหน้าออนไลน์  

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net