Skip to main content
sharethis

'สหภาพแรงงานรถไฟ' แจงความคืบหน้าบรรจุพนักงาน รฟท. ชี้ข้อตกลงที่รักษาการผู้ว่าการฯ รับปากเป็นเพียงเพื่อให้เรื่องจบ หรือมีเจตนาที่ดีแต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เคารพในข้อตกลง ขัดต่อการสร้างระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดี

2 ส.ค. 2562 ตามที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.)ได้ติดตามเร่งรัด ผลักดันในเรื่องการขอเพิ่มอัตรากำลังพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยให้มีการยกเว้นมาตรการด้านบุคลากรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่ให้  รฟท. งดรับพนักงานใหม่ ยกเว้นตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเดินรถและตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิพิเศษ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว ทั้งนี้จะรับพนักงานใหม่ได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนพนักงานที่เกษียณอายุนั้น ซึ่ง สร.รฟท.ได้ดำเนินการติดตามกับผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ รฟท. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 โดยให้สามารถรับพนักงานเพิ่มได้เฉพาะในปีแรกของกรอบอัตรากำลังตามแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย 2562-2570 ซึ่งสามารถรับพนักงานได้ 16,660 อัตรา และลูกจ้าง 2,580 อัตรา แต่ต้องจัดทำแผนการสรรหาในระยะ 10 ปี ให้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 ให้รับพนักงานได้จำนวนไม่เกิน 1,904 อัตรา

สร.รฟท.ได้มีจุดยืนและข้อเสนอหนักแน่นเสมอมาว่าการบรรจุพนักงานโดยการสรรหาจากกลุ่มลูกจ้างเฉพาะงานก่อน เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในวิชาชีพ และเป็นขวัญกำลังใจให้กับลูกจ้างเฉพาะงาน เนื่องจากทำงานให้กับองค์กรมาเป็นเวลานาน ประกอบกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้ในการรับพนักงานต้องเป็นพนักงานด้านปฏิบัติการ ซึ่งล่าสุดทาง สร.รฟท.ได้ทราบข้อมูลจากการที่ ฝ่ายบริหารของการรถไฟฯให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยเปิดเผยว่าทางคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด) ได้มีมติอนุมัติการสรรหาเพื่อบรรจุพนักงานในปี 2562 ในอัตรา 1,330 อัตรา หรือเท่าที่จำเป็นก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณ

สหภาพแรงงานรถไฟฯ ขอให้ตรวจสอบฝ่ายบริหารรับพนักงานไม่เป็นธรรม
สหภาพรถไฟฯ ชี้รับ พนง. เพิ่ม ให้สรรหาจาก 'ลูกจ้างเฉพาะงาน' ก่อนพิจารณาคนนอก
เปิดช่องให้รถไฟเพิ่มพนักงาน ยกเลิกมติ ครม. 28 ก.ค. 2541 แล้ว
สหภาพรถไฟลงพื้นที่ พบปัญหากำลังคนไม่เพียงพอ-ความล่าช้าในการจัดหาอะไหล่

ซึ่งต่อมาก็ปรากฏเป็นข่าวที่หลุดรอดออกมาว่า การรับพนักงานในครั้งนี้จะรับจากบุคคลภายนอกเป็นสัดส่วนที่มากกว่าภายในและไม่ตรงกับที่ สร.รฟท.ได้เคยเสนอและตกลงกันดังที่กล่าวมาข้างต้น จนเกิดกระแสความน้อยเนื้อ ต่ำใจ ไม่พอใจของลูกจ้างเฉพาะงาน และนัดหมายที่จะขับเคลื่อนในวันที่ 26 ก.ค. 2562 และเหตุการณ์กำลังจะลุกลามบานปลายเพราะมีพ่อแม่ พี่น้อง ของลูกจ้างจะร่วมเคลื่อนไหวผลักดันด้วย ในวันที่ 25 ก.ค. 2562 สร.รฟท.นำโดยประธาน นายสาวิทย์ แก้วหวาน ได้เข้าพบรักษาการผู้ว่าการฯนายวรวุฒิ มาลา หารือเรื่องดังกล่าวกันจนได้ข้อสรุปคือ การสรรหาพนักงานในครั้งนี้ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยจะรับจากลูกจ้างเฉพาะงานแต่จะต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะ ความรู้ความสามารถซึ่งหากผ่านเกณฑ์แล้วจะบรรจุให้ทันที ส่วนตำแหน่งอื่นจะรับจากลูกจ้างเฉพาะงานภายในก่อนทั้งหมดถ้าไม่ครบหรือไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก็จะรับจากบุคคลภายนอก 

ส่วนนักเรียนวิศวกรรมรถไฟทั้ง 2 รุ่น ทั้งที่จบแล้วเป็นลูกจ้างเฉพาะงานอยู่และที่กำลังจะจบการศึกษาจะบรรจุทันทีซึ่ง รฟท. โดยรักษาการผู้ว่าฯ ได้สั่งให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ออกแถลงการณ์ชี้แจงตามที่ตกลงกับ สร.รฟท. ดังที่ได้เผยแพร่ให้ทราบทั่วกัน จึงทำให้การออกมาร้องขอความเป็นธรรมของกลุ่มลูกจ้างเฉพาะงานทั่วประเทศที่จะเดินทางมาร่วม และจะจัดกิจกรรมแสดงออกในต่างจังหวัดก็ลดทอนลง แต่ยังคงมีบางส่วนที่เดินทางมาสอบถามความชัดเจนในวันที่ 26 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันประชุมร่วมระหว่างผู้บริหาร รฟท. กับ สร.รฟท.ของคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ รฟท. และรักษาการผู้ว่าการฯ ก็ยืนยันตามที่ตกลงกับ สร.รฟท.และแถลงการณ์ที่ออกไป ส่วนในตำแหน่งอื่นที่ไม่มี เช่น ช่างฝีมือ พนักงานรถนอน ก็จะรับไปเกลี่ยอัตราโดยให้คณะทำงานซึ่งมีผู้บริหารแต่ละฝ่ายรับไปดำเนินการโดย มี สร.รฟท.เข้าร่วมประชุมด้วยซึ่งผู้แทนลูกจ้างเฉพาะงานพึงพอใจในคำยืนยัน และประธาน สร.รฟท.ก็อาสาที่จะชี้แจงกับกลุ่มลูกจ้างเฉพาะงานเองเพื่อให้คณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ประชุมต่อไปได้เพราะมีหลายเรื่องเร่งด่วนที่พนักงานคอยอยู่รวมทั้งข้อเสนอเพื่อปรับปรุงการทำงานและการพัฒนา รฟท. ด้วยจนในที่สุดกลุ่มลูกจ้างเฉพาะงานและผู้เกี่ยวข้องแยกย้ายกันกลับ

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2562 คณะทำงานที่ถูกมอบหมายและ สร.รฟท.ประชุมร่วมกันโดยมีนายพีระเดช หนูขวัญ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (อบค.) เป็นประธาน ปรากฏว่าสิ่งที่รักษาการผู้ว่าการฯ มอบหมายในเรื่องการเกลี่ยอัตรากำลังที่บางส่วนบางตำแหน่งยังไม่มีกระจายกันออกไปก่อนเพื่อให้ปีแรกของการบรรจุเป็นไปด้วยดี ปรากฏว่าแต่ละฝ่ายพยายามยืนกรานในส่วนที่เสนอไปแล้วว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าข้อตกลงที่รักษาการผู้ว่าการฯ รับปากเป็นเพียงเพื่อให้เรื่องจบลงไป หรือมีเจตนาที่ดีแต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เคารพในข้อตกลง ซึ่งขัดต่อการสร้างระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 มาตรา 23 ที่ไม่เข้าใจ ไม่เห็นใจลูกจ้างเฉพาะงานที่มีความเดือดร้อน และผลักดันให้ รฟท. และรักษาการผู้ว่าการฯ ไปเจรจากับคณะกรรมการ รฟท. ในอัตราที่ยังขาดหายไปคือ 574 อัตรา

สร.รฟท.ได้พยายามนำเสนอในหลักการในภาพรวม ส่วนในความต้องการของลูกจ้างเฉพาะงาน และความต้องการเรื่องอัตรากำลังว่าต้องการจำนวนเท่าไหร่นั้น เป็นเรื่องของแต่ละฝ่ายจะต้องหาเหตุผลอธิบายกันเอง สร.รฟท.เป็นผู้แทนของสมาชิกทั้งที่เป็นพนักงานและลูกจ้างเฉพาะงานของทุกฝ่าย สำนักงานมิอาจยืนอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้แต่จะพยายามผลักดันต่อไปดังที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ทุกฝ่าย สำนักงาน เร่งรัดดำเนินการตามแนวทางที่รักษาการผู้ว่าการฯ ได้มอบหมายให้ในที่ประชุมกิจการสัมพันธ์ฯ และขอให้เตรียมการวางแผนการรับพนักงานในปีต่อๆ ไปตามแผนที่ได้รับการอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรี 20 พ.ย. 2561 สุดท้ายนี้ ทาง สร.รฟท.ขอส่งกำลังใจให้ลูกจ้างเฉพาะงานทุกคนได้ประสบกับความสำเร็จและความก้าวหน้า มีความมั่นคงในการทำงานเพื่อการรถไฟฯต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net