Skip to main content
sharethis

กลุ่มนักกิจกรรมและนักการเมืองฝ่ายก้าวหน้าแสดงความยินดีที่ในที่สุดกระทรวงกลาโหมภายใต้รัฐบาล โจ ไบเดน ประกาศว่าจะยกเลิกโครงการสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกโดยสิ้นเชิง ซึ่งกำแพงนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการกีดกันผู้อพยพ-ลี้ภัยภายใต้รัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ใช้คำสั่งพิเศษในการโยกย้ายงบประมาณกลาโหมหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกำแพงนี้ และสร้างผลกระทบทางระบบนิเวศและแก่ชนพื้นเมืองในพื้นที่


แฟ้มภาพ Ignatian Solidarity Network (CC BY-NC 2.0)

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เคยประกาศให้สัญญาว่าจะยกเลิกโครงการกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก นับตั้งแต่วันแรกที่มีการเข้ารับตำแหน่ง และต่อมาในเดือน ก.พ. ก็มีการยกเลิกคำประกาศฉุกเฉินของทรัมป์และระงับการให้เงินทุนในการสร้างกำแพง ก่อนที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการประกาศยกเลิกการสร้างกำแพงโดยสิ้นเชิง

คำประกาศนี้มาจากรองโฆษกเพนทากอนของสหรัฐฯ จามาล บราวน์ ที่แถลงว่า "เพื่อให้เป็นไปตามคำประกาศของประธานาธิบดี กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ดำเนินการยกเลิกโครงการสร้างแนวกั้นบริเวณชายแดนทั้งหมดที่มีการโยกย้ายเงินทุนที่จะนำไปใช้ในปฏิบัติการทางทหารหรือการปฏิบัติงานอื่นๆ มาใช้ในการนี้"

ประเมินกำแพง 'ทรัมป์' ทำลายระบบนิเวศแอริโซนา

บราวน์กล่าวอีกว่า "กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เริ่มดำเนินมาตรการทุกอย่างที่จำเป็นในการยกเลิกโครงการกำแพงกั้นพรมแดนและให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ... การดำเนินการในครั้งนี้สะท้อนพันธกิจของรัฐบาลชุดนี้ในการปกป้องประเทศและสนับสนุนสมาชิกกองทัพของพวกเรารวมถึงครอบครัวของพวกเขา"

นโยบายกำแพงของทรัมป์ไม่ได้เพียงแค่สะท้อนในเรื่องการกีดกันผู้อพยพเท่านั้น ยังเป็นโครงการที่ส่งผลต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของบริเวณนั้นเช่นกับการเคลื่อนย้ายของสัตว์ในบริเวณนั้นด้วย

ไลเคน จอร์ดาห์ล นักรณรงค์เกี่ยวกับประเด็นชายแดนจากศูนย์เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพกล่าวแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของรัฐบาลไบเดนในครั้งนี้ โดยบอกว่า "เป็นก้าวใหญ่ๆ ก้าวแรกสู่ความยุติธรรมสำหรับประชาชนและสัตว์ป่า" ที่รอคอยมานานและเรียกร้องให้รัฐบาลไบเดนไปให้ไกลกว่านั้นด้วยการ "หยุดยั้งการทำลายระบบนิเวศอย่างไร้ความหมายเช่นนี้" และ "ให้มีการคุ้มครองและฟื้นฟูผืนดิน แหล่งศักดิ์สิทธิ และทำลายส่วนของกำแพง(ที่สร้างไปแล้ว)ทิ้ง"

นอกจากนี้จอร์ดาห์ลยังเรียกร้องให้ไบเดนและสภาคองเกรสถอนทุนการสร้างกำแพงนำมาใช้ช่วยเหลือชุมชนที่อยู่รอบชายแดน, สนับสนุนกลุ่มชนพื้นเมือง, และบริหารจัดการเรื่องที่ดินเพื่อให้เกิดการเริ่มต้นเยียวยาสิ่งที่ถูกทำลายไปโดยแผนการสร้างกำแพงนี้

ทรัมป์สร้างกำแพงความยาว 450 ไมล์ (ราว 724 กม.) ไปตามแนวทะเลทรายและเทือกเขาทางตอนใต้ของแอริโซนาซึ่งมีการทาบผ่านพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ พื้นที่สงวนสำหรับสัตว์ป่า และพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอยู่แล้ว และมีการตั้งข้อสังเกตว่ากำแพงนี้ไม่ค่อยไปอยู่ในพื้นที่ของริโอแกรนด์วัลเลย์ของเซาท์เท็กซัสทั้งที่มันเป็นพื้นที่ที่มีการข้ามพรมแดนมากที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางใหญ่ของผู่อพยพ

ทั้งนี้ในช่วงก่อนหน้าที่ไบเดนจะเข้ารับตำแหน่ง ยังมีกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมกลายกลุ่มในสหรัฐฯ ที่อาศัยอยู่ริมชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก พากันแสดงการต่อต้านการสร้างกำแพงซึ่งจะส่งผลให้เกิดการล่วงล้ำทำลายพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา รวมถึงพื้นที่ฝังศพ นอกจากนี้กำแพงยังจะปิดกั้นพวกเขาจากครอบครัวและผืนดินบรรพชนซึ่งอยู่อีกฟากของพรมแดน มีชนพื้นเมืองเผ่าคาร์ริสโซ/โคเมครูโด แห่งเท็กซัสเล่าว่ามีครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนพบหัวลูกศรของชนพื้นเมืองแล้วก็ชายมันให้กับนักสะสม ชณะที่บางคนก็นำมันกลับมาคืนให้กับชนพื้นเมือง

นอกจากเรื่องผลกระทบสัตว์ป่าและการลุกล้ำพื้นที่ของชนพื้นเมืองแล้ว กำแพงทรัมป์ยังส่งผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำและทรัพยากรดินในพื้นที่ด้วย เช่นมีการทำลายระบบป้องกันน้ำท่วมของริโอแกรนด์วัลเลย์ ทำให้ต้องมีการฟื้นฟูหลังจากยกเลิกกำแพงนี้ นอกจากนี้ยังต้องมีการพื้นฟูดินเสียในซานดิเอโกซึ่งเป็นผลมาจากวัสดุที่ใช้ในการสร้างกำแพงและการอัดกระทบดินอย่างไม่เหมาะสมทำให้เกิดความเสียหายจากการกัดเซาะผืนดินเป็นความยาว 14 ไมล์ (ราว 22 กม.) ในซานดิเอโก ซึ่งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ได้ประกาศเรื่องที่สภาคองเกรสจะจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูในเรื่องเหล่านี้

ทั้งนี้ ส.ส. พรรคเดโมแครต ในเท็กซัส ฮัวคิน คาสโตร กล่าวหาว่ารัฐบาลทรัมป์ได้ "ขโมยเงินจากกองทัพเอาไปสร้างกำแพงพรมแดนของตัวเอง" และกล่าวอีกว่าการยกเลิกกำแพงนี้ถือเป็น "ชัยชนะสำหรับเท็กซัส และสำหรับหลักนิติธรรม"


เรียบเรียงจาก
In 'Huge Step Toward Justice,' Biden Cancels Trump Border Wall Projects Using Diverted Funds, Common Dreams, 30-04-2021

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net