Skip to main content
sharethis

สปสช.-สสส. ร่วมลงพื้นที่ "ชุมชนนิมิตรใหม่เมืองมีน" เขตคลองสามวา สำรวจมาตรการ "Home-Community Isolation" หนึ่งในชุมชนต้นแบบ 23 แห่ง ผนึก รพ.ปิยะเวท ให้การดูแล-มอนิเตอร์ผู้ติดเชื้อ ด้าน สสส.หนุนมาตรการชุมชน สร้างความมั่นคงระยะยาว 

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2564 ผศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้แทนชุมชน และเครือข่ายสลัมสี่ภาค ร่วมกันลงพื้นที่ชุมชนนิมิตรใหม่เมืองมีน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงาน "การดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่บ้านหรือที่ชุมชน Home/Community Isolation" 

ผศ.ภญ.ยุพดี เปิดเผยว่า มาตรการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) และมาตรการดูแลผู้ป่วยโควิดด้วยระบบชุมชน (Community Isolation) เป็นมาตรการเสริมซึ่งนำมาใช้ในพื้นที่ที่เตียงเต็ม โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล ที่จะออกแบบให้เหมือนเปลี่ยนบ้านเป็นโรงพยาบาล ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้านหรือที่ชุมชน จะได้รับการดูแลเสมือนอยู่โรงพยาบาลเพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ พร้อมมีแพทย์ดูแล มีอุปกรณ์ ยา อาหารต่างๆ ให้ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สปสช.ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลปิยะเวท และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ในการจัดตั้ง Community Isolation หรือการดูแลตนเองในระบบชุมชนแก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงกว่า 1,200 คน ที่ยังอยู่ในระหว่างการรอเตียง และกลุ่มผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ในชุมชน 23 แห่ง ซึ่งผู้ติดเชื้อจะถูกลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยในของ รพ.ปิยะเวท และนัดวันเอกซเรย์ปอด โดยทางโรงพยาบาลจะจัดรถเอกซเรย์เคลื่อนที่ไปตรวจผู้ป่วยในชุมชนเพื่อวินิจฉัยภาวะปอดอักเสบให้เร็วที่สุด และตรวจซ้ำทุก 3 วัน 

"กระบวนการทั้งหมด สปสช.จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยสนับสนุนค่าอาหารวันละ 1,000 บาท และค่าอุปกรณ์วัดอุณหภูมิและอุปกรณ์วัดระดับออกซิเจนตามจริงไม่เกิน 1,100 บาทต่อราย รวมทั้งค่าบริหารจัดการอื่นๆ และค่ารถ ค่าเอกซเรย์ ค่า SWOP และค่าตรวจ RT-PCR ตามหลักเกณฑ์" นพ.จเด็จ กล่าว 

นพ.วิทิต กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลมีความพร้อมทำงานร่วมกับชุมชนในการดูแลผู้ป่วย รวมทั้งการค้นหาผู้ป่วยจากในชุมชน ซึ่งบางรายอาจมีการไปตรวจด้วยตนเองมาแล้ว แต่โรงพยาบาลต้องขอตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าบางรายตรวจหาเชื้อจากแอนติเจนซึ่งได้ผลเป็น false positive หรือบางรายก็ตรวจจากคลินิกหรือห้องแล็บเอกชนที่ไม่ได้รับรอง ทำให้ผลตรวจไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่ถ้าตรวจจากโรงพยาบาลรัฐด้วยวิธี RT-PCR ก็จะรับเข้าเป็นผู้ป่วยในเลยโดยไม่ต้องตรวจซ้ำ 

ด้าน ดร.สุปรีดา กล่าวว่า สสส.ได้สนับสนุนสร้างระบบ Home Isolation และ Community Isolation ร่วมกับ สปสช. มูลนิธิพัฒนาที่อยุ่อาศัย มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และภาคีเครือข่าย ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด 30 ชุมชน ใน กทม.และปริมณฑล โดยตั้งแต่เริ่มโครงการมีผู้ป่วยได้รับการดูแลประมาณ 180 คน ทั้งผู้ป่วยในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อช่วยลดวิกฤตปัญหาโรงพยาบาลเตียงไม่พอ และช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ 

ดร.สุปรีดา กล่าวว่า สสส.ได้สนับสนุนภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย 1. พัฒนาระบบจัดการของชุมชน โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ดูแลผู้ป่วย เครื่องอุปโภคบริโภค และการวางระบบดูแลผู้ป่วยที่ต้องแยกกักตัวในบ้าน รวมถึงจัดทำศูนย์ดูแลรักษาผู้ป่วยที่แยกกักตัวในชุมชน 2. พัฒนาศักยภาพแกนนำด้านสุขภาวะในชุมชน จัดอบรมการดูแลผู้ป่วยในศูนย์พักคอยเบื้องต้น เพื่อให้มีความรู้ด้านการบริบาลผู้ป่วย 3. สนับสนุนการทำต้นแบบชุมชน ทั้งระบบภายในสำหรับดูแลผู้ป่วยที่แยกกักตัวในชุมชน และระบบภายนอกที่เชื่อมต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยกับหน่วยงานต่างๆ 

"นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาเตียงไม่พอ และลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ในยามวิกฤตครั้งนี้ เรายังสนับสนุนการจัดการตัวเองในระยะยาว ด้วยการสนับสนุนเรื่องความมั่นคงทางอาหาร การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ หารายได้เสริมในชุมชน และการสนับสนุนให้เกิดระบบครัวกลางและการแบ่งปันอาหารภายในชุมชน" ดร.สุปรีดา กล่าว

รพ.​มหาราชนครราชสีมาส่งทีมช่วยตรวจโควิดใน กทม. ที่สถาบันธัญญารักษ์ 15-21 ก.ค. 

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล​มหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ใน กทม.ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลจึงได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) หรือ สถาบันธัญญารักษ์ ในการเปิดจุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองและสามารถแยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการดูแลด้วยมากขึ้น 

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางความร่วมมือดังกล่าว ทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้ส่งทีมงานไปช่วยตรวจคัดกรองตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.ค.2564 โดยในพื้นที่ของสถาบันธัญญารักษ์เป็นจุดให้บริการ และกำหนดพื้นที่ค้นหาบริเวณชุมชนรอบๆสถาบันธัญญารักษ์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีชุมชนอยู่กันหนาแน่นและคาดว่ายังมีผู้ที่เข้าไม่ถึงบริการตรวจคัดกรองค่อนข้างมาก 

"เราเห็นความลำบากของคน กทม.ซึ่งนอกจากปัญหาตรวจแล้วเตียงไม่พอ คนมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อแล้วก็มีความลำบากในการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรอง ในโซเชียลมีเดียต่างๆก็เห็นชัดเจน พอได้รับการประสานจาก สปสช.ว่าจะพาทีมมาช่วยตรวจคัดกรองได้ไหม ซึ่งเราคิดว่าพอทำได้เราก็พร้อมเข้าไปช่วย ซึ่งนอกจากตรวจคัดกรองแบบตั้งรับในหน่วยบริการแล้ว เรายังร่วมกับชมรมแพทย์ชนบทส่งทีมเข้าไปตรวจคัดกรองเชิงรุกตามชุมชนต่างๆด้วย" นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว 

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทีมงานของโรงพยาบาล​มหาราชนครราชสีมาจะให้บริการตรวจวันละ 9-10 ชั่วโมง โดยมีศักยภาพในการตรวจสูงสุด 5,000 คน/วัน ซึ่งวันที่ 15 ก.ค. 2564 ได้เริ่มดำเนินการเป็นวันแรก ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์แต่ก็มีผู้มารับการตรวจกว่า 1,128 ราย และพบว่าติดเชื้อเกือบ 193 รายหรือ 17% ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้หากพบว่าติดเชื้อแล้วก็จะส่งต่อให้ สปสช. สถาบันธัญญารักษ์ และโรงพยาบาลปิยะเวท เข้าไปจัดระบบการดูแลแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation รวมทั้งมีการตรวจซ้ำด้วยระบบ RT-PCR ส่วนคนไหนที่ผลตรวจเป็นลบแต่มีประวัติเสี่ยงสูงก็จะให้กักตัวประมาณ 3-5 วัน แล้วกลับมาตรวจซ้ำอีกครั้ง 

ทั้งนี้ นอกจากพื้นที่ชุมชนรอบๆสถาบันธัญญารักษ์แล้ว ประชาชนจากโซนอื่นๆก็สามารถเข้ามารับบริการตรวจคัดกรองได้เช่นกัน โดยสามารถ walk in เข้ามารับการตรวจได้เลย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net