9 ทะลุฟ้าถูกฟ้องในคดีสาดสีหน้า ปชป.เรียกร้องถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล หลังพิจารณาศาลสั่งไม่ให้ประกันตัว 7 คน อ้างเหตุเพราะเคยมีคดีลักษณะเดียวกันจึงอาจก่ออันตรายอื่นอีก ส่วนอีก 2 ได้ประกันแต่ถูกตั้งเงื่อนไขห้ามทำกิจกรรมอีก

เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.2565) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ที่ศาลอาญา มีนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องสมาชิก 9 คนของกลุ่มทะลุฟ้า ในคดีที่พวกเขาถูกดำเนินคดีจากการทำกิจกรรมเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 โดยมีการสาดสีไปที่หน้าทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดย ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้กล่าวหาไว้ที่ สน.บางซื่อ โดยมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 10 คน

สมาชิกทะลุฟ้าที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีครั้งนี้มี 9 คนได้แก่ ที่ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปี 2564 ได้แก่ ทรงพล สนธิรักษ์, เจษฎาภรณ์ โพธิ์เพชร, ศักดิ์สิทธิ์ เผือกผ่องศรี, กตัญญู หมื่นคำเรือง, จิตริน พลาก้านตง, ทวี เที่ยงวิเศษ, ชาติชาย ไพรลิน, ทสมา สมจิตร์ และกฤษณะ มาตย์วิเศษ เนื่องจากสมาชิกอีกคนคือ นวพล ต้นงาม ติดโควิด-19 ทำให้อัยการฟ้องไป 9 คนก่อน

เมขลา อัจฉราวงศ์ชัย อัยการ ฟ้องพวกเขาโดยกล่าวหาทั้งหมด 6 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 และ 216, ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358, ข้อหาบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามมาตรา 362 ประกอบมาตรา 365, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำฟ้องโดยสรุปกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 จำเลยทั้งเก้า พร้อมกับพวกรวมจำนวนประมาณ 50-60 คน ในนามกลุ่มทะลุฟ้า ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มชุมนุมทางการเมือง เพื่อไปยื่นหนังสือเรียกร้องทางการเมืองต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการใช้รถยนต์ติดตั้งเครื่องขยายเสียง โดยไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า 2019 และเป็นกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มบุคคลมากกว่า 5 คน ที่มีเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

กลุ่มจำเลยยังได้ร่วมกันขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ด้วยการด่าทอ ตำหนิ โห่ไล่เจ้าพนักงานตำรวจที่นำแผงเหล็กไปวางกั้นบริเวณทางเข้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ หลัง พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รองผู้กำกับสืบสวน สน.บางซื่อ ได้สั่งให้จำเลยเลิกการชุมนุม แต่จำเลยทั้งหมดยังขัดขืน ไม่เลิกการมั่วสุม ทั้งยังบุกรุกเข้าไปภายในที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์และสำนักงานของผู้เสียหาย

กลุ่มจำเลย ยกเว้นทรงพลและเจษฎาภรณ์ ยังมีการขว้างปาถุงสีเข้าไปภายในพรรค ที่ป้ายชื่อพรรคและผนังของพรรค มีการติดสติกเกอร์และกระดาษที่มีรูปภาพล้อเลียนบุคคลที่ประตูที่ทำการพรรค และได้จุดไฟเผาหุ่นฟางที่บริเวณพื้น จนป้าย ผนังอาคารของพรรคเสียหาย รวมเป็นค่าเสียหายจำนวน 6,328 บาท

เฉพาะทรงพล, เจษฎาภรณ์ และกตัญญู ยังได้แสดงความคิดเห็นโจมตีการบริหารราชการของรัฐบาล โดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

พนักงานอัยการไม่ได้คัดค้านการประกันตัวจำเลยทั้งหมด โดยขอให้อยู่ในดุลยพินิจศาล แต่ขอให้นับโทษจำคุกในคดีนี้เรียงต่อคดีอื่นๆ ที่จำเลยแต่ละคนถูกกล่าวหาในทุกคดี และยังขอให้ริบของกลางในคดี ได้แก่ ถุงพลาสติกบรรจุสีแดง และสติกเกอร์ด้วย

ทั้งนี้สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้าทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 ส.ค.2565

อย่างไรก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีทางทนายความได้ยื่นขอประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดีทั้ง 9 คน แต่ศาลมีคำสั่งให้ประกันเพียง 2 คนเท่านั้นคือ ทรงพลและเจษฎาภรณ์โดยต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงิน 35,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำในคดีที่มีการพิจารณาในวันนี้อีก หากกระทำจะถือว่าผิดสัญญาประกันและให้แต่งตั้งผุ้กำกับดูแลจำเลยทั้ง 2 คนด้วยและต้องรายงานตัวทุก 15 วัน

ส่วนอีก 7 คน ได้แก่ ศักดิ์สิทธิ์, จิตริน, ทวี, ชาติชาย, กตัญญู, ทสมา, และกฤษณะ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยอ้างเหตุผลว่าทั้ง 7 คนกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบททั้งการใช้ความรุนแรงเกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นโดยไม่มีเหตุสมควร นอกจากนั้นยังเคยถูกดำเนินคดีที่ศาลนี้มาแล้วด้วยจึงเชื่อว่าหากปล่อยตัวไปทั้ง 7 คน อาจก่ออันตรายอื่นได้อีก

ศูนย์ทนายฯ ระบุว่าคำสั่งการประกันตัวครั้งนี้ไม่ได้ลงชื่อผู้พิพากษาไว้