Skip to main content
sharethis

'สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง' ย้ำลาออกนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล เพราะปฏิบัติตามคำสั่งของ 'ประวิตร วงษ์สุวรรณ' ด้าน 'วรวีร์ มะกูดี' ชี้ไม่ใช่การแทรกแซง เพราะไม่มีวาระในการประชุม เป็นการพูดโดยที่มีคนพูดถึงผลงาน ‘เศรษฐา’ หวังวงการฟุตบอลไทยพัฒนา ห่วงทีมไทยลีกแยกตัวบริหารจัดการเอง กระทบการพัฒนา ฝากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังยกระดับฟุตบอลไทย

2 ก.ค. 2566 สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2566 โดยระบุว่าเป็นไปตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ นั้น

มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า เรื่องการลาออกตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับลักษณะปกครองสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ระบุเรื่องการพ้นจากตำแหน่งของนายกสมาคมฯ ไว้ว่า หมดวาระ 4 ปี, ขาดการประชุมเกิน 4 ครั้ง, กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ และที่ประชุมใหญ่มีมติถอดถอน ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ก็ได้รับคำแนะนำจาก ฟีฟ่า, เอเอฟซี และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าหากการลาออกด้วยเหตุผลที่ขัดต่อข้อบังคับ หรือระเบียบของฟีฟ่า จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อวงการฟุตบอลไทย

“โดย เอเอฟเอฟ, เอเอฟซี และ ฟีฟ่า ได้ให้ความสนใจและมีการสอบถามข้อมูลถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย และอาจเสียโอกาสในการพัฒนาจากความร่วมมือในการทำโครงการต่างๆ ร่วมกัน รวมถึงกระทบต่อการที่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปี FIFA Congress ครั้งที่ 74 ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 หากเหตุผลของการลาออกขัดต่อข้อบังคับฯ ทั้งนี้ จะมีหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษร เข้ามาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ระหว่างนี้ตนยังต้องทำหน้าที่ต่อไปตามปกติ ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดตำแหน่งและไม่คิดหนีปัญหา การประชุมสภากรรมการในวันที่ 3 กรกฎาคม เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้สำเร็จลุล่วงตามแนวทางของสโมสรสมาชิก และไม่ขัดต่อข้อบังคับฯ เพื่อให้วงการฟุตบอลไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนผู้มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพ ที่จะเสียสละ เข้ามาแก้ปัญหา และพัฒนาให้วงการฟุตบอลต่อไป

“ผมยืนยันว่า จะปฏิบัติตามคำสั่งของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิค ที่แจ้งในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้มีคำสั่งให้ผมลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อรับผิดชอบกับผลการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ และการทะเลาะวิวาท ที่ประเทศกัมพูชา โดยจากนี้จะได้หารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามขั้นตอนตามข้อบังคับฯ ให้ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม” บิ๊กอ๊อด กล่าวปิดท้าย

'วรวีร์' ชี้ไม่ใช่การแทรกแทรง

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่าวรวีร์ มะกูดี อดีตฟีฟ่าเมมเบอร์ และอดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตอบคำถามว่ามีโอกาสจะถูก ฟีฟ่าแบนหรือไม่ เพราะมีโอกาสเข้าข่ายแทรกแซงจากการเมือง หรือ บุคคลที่ 3 ตาม "ธรรมนูญฟีฟ่า" ข้อที่ 19 ว่าด้วยเรื่องความเป็นอิสระของสมาคมฟุตบอลและคณะกรรมการผู้บริหารกันก่อน มีดังต่อไปนี้

19.1 สมาชิกจะต้องบริหารกิจการของตนอย่างเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลที่สาม

ซึ่งวรวีร์ ได้ตอบว่า

"เขาไม่ได้ไปแทรกแซง เพราะวันนั้นไม่มีวาระในการประชุมเรื่องนี้ มันเป็นการพูดโดยที่มีคนพูดถึงผลงานที่มีแฟนๆ กล่าวถึงผลงานในซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา ซึ่งท่านพูดในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เพราะโอลิมปิกไทย เขาควบคุมกีฬาของชาติอยู่แล้ว แล้วก็มีการวิจารณ์ถึงเรื่องฟุตบอลไทยขึ้นมา แกเลยพูดเสริมขึ้นมา มันไม่มีวาระหรือเจตนาใดๆ ทั้งสิ้นที่จะแทรกแซง" บังยี กล่าวเริ่ม

"การวิจารณ์ เราก็ต้องดูว่าลักษณะนี้เป็นการต้องการกล่าวหาแบบไม่เป็นเหตุเป็นผล หรืออคติหรือเปล่า เพราะฉะนั้นต้องมันคือเหตุผลที่มาพูด เพราะไม่ประสบความสำเร็จ แล้วก็ยังทำเสียชื่อเสียงอีก เขาพูดในลักษณะ แฟร์คอมเมนต์ ผู้นำขององค์กรฟุตบอลควรที่จะพิจารณาตนเองแล้ว ว่าควรจะลาออกไป เป็นความบริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา สมมติว่า สมยศ ไม่ลาออก แล้วที่พี่ป้อมเขาไปทำอะไรได้ไหม เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่ความรู้สึกของตัวคุณเอง คนทั้งประเทศพูดกันถึงเรื่องนี้ด้วยความหดหู่ใจ แล้วคุณจะคิดอย่างไร ถ้าขอลาออกด้วยความรับผิดชอบทุกอย่างมันก็จบแล้ว แต่ถ้าจะไปบอก ฟีฟ่า เอเอฟซี คุณมีอเจนดาอะไรหรือเปล่า"

‘เศรษฐา’ หวังวงการฟุตบอลไทยพัฒนา ห่วงทีมไทยลีกแยกตัวบริหารจัดการเอง กระทบการพัฒนา ฝากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังยกระดับฟุตบอลไทย

ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งข่าวเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2566 ว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาวงการฟุตบอลไทยในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการฟุตบอลว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ทำให้เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตกต่ำพอสมควร ทั้งเรื่องของอันดับ จำนวนผู้เข้าชมในแต่ละเกมไทยลีก การขายของที่ระลึกสโมสร ที่สำคัญคือเรื่องของการค้างจ่ายเงินเดือนนักเตะซึ่งก็ยังมีหลายสโมสร ล่าสุดก็ยังมีกรณีที่ทีมในไทยลีกขอแยกตัวมาบริหารจัดการกันเองจากปัญหาเรื่องค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะลีกสูงสุดของไทยจะเฟ้นหานักเตะ ก็ต้องหามาจากลีกระดับรองลงมา หากลีกรองไม่พัฒนา ลีกบนจะพัฒนาต่อยอด ไปถึงในระดับทีมชาติได้อย่างไร ดังนั้นจึงต้องฝากไปถึงทุกฝ่ายช่วยกันทำเพื่อการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยเป็นที่ตั้ง และเชื่อว่าจะเดินหน้าไปได้แน่นอน

ส่วนกรณีที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ จี้ให้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลงานการบริหารทีมฟุตบอลไทยนั้น นายเศรษฐระบุว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย ส่วนตัวมองว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวนายกสมาคมเพียงอย่างเดียว

เมื่อถามว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยนั้นในฐานะที่อยู่ในแวดวงฟุตบอลมองว่าใครเหมาะสม นายเศรษฐา กล่าวว่าตอนนี้กระแสอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีนักฟุตบอลหลายคนก็ออกมาให้ความเห็น ซึ่งหลายคนก็มองไปถึงคุณนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เอฟซี ที่อยู่ในวงการฟุตบอลอยู่แล้ว หรือในอดีตก็มีเสียงเรียกร้องจากหลายๆ เพจว่า คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัญมนตรี ก็มีเสียงเรียกร้องเหมือนกัน แต่ทั้งหมดก็แล้วแต่ความคิดเห็นและการตัดสินใจของผู้เกี่ยวข้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net