Skip to main content
sharethis

นักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งอิสราเอล-กาซ่าจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่ยาวนานถ้าหากว่าอิสราเอลยังคงไม่สามารถจัดการกับอุโมงค์ของฮามาสได้ แต่การที่อิสราเอลจะรักษาการสนับสนุนจากประชาชนเอาไว้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ทั้งฝ่ายอิสราเอลและฝ่ายปาเลสไตน์ต่างก็มีการรายงานข่าวที่กระตุ้นเร้าความรู้สึก, คำบอกเล่า และวิดีโอต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบในกาซ่าเมื่อช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

กองทัพอิสราเอลได้เผยแพร่ภาพวิดีโอของชาวปาเลสไตน์ถูกจับแก้ผ้าให้เหลือแต่กางเกงในแล้วเดินแห่ไปตามซากเมืองที่ปรักหักพัง มีเสียงประณามจากปาเลสไตน์ตามมาหลังจากนั้น แต่พวกฝ่ายสร้างภาพของอิสราเอลก็ไม่รับฟังอะไร อิสราเอลยืนกรานว่าคนที่พวกเขาจับแก้ผ้าเป็นกลุ่มติดอาวุธฮามาสและอ้างว่าคนเหล่านี้พากันยอมแพ้เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่าฮามาสใกล้จะจบสิ้นแล้ว ถึงแม้ว่าชาวปาเลสไตน์จำนวนมากและผู้สังเกตการณ์อิสระจะยืนยันว่ากลุ่มคนที่อิสราเอลพูดถึงเป็นพลเรือนที่ถูกประจานให้อับอายต่อหน้าสาธารณะ

ในส่วนของฮามาสนั้น พวกเขาใช้วิธีการแบบเดิมๆ ในการโฆษณาชวนเชื่อโดยการเผยแพร่วิดีโอที่ตัดต่อมาอย่างชำนาญเพื่อให้เกิดผลที่พวกเขาต้องการ คือการพิสูจน์ข้ออ้างที่ว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการต่อต้านผู้รุกรานอิสราเอลมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงยานเกราะของอิสราเอลถูกยิง

จากนั้นก็มาถึงข่าวที่ชวนให้ตั้งคำถามต่อข้ออ้างของทางการอิสราเอลที่อ้างว่าฮามาสใกล้จะล่มสลายแล้ว ข่าวแรก คือข่าวที่ทหาร 9 นายถูกสังหารภายในปฏิบัติการเดียวในย่านชูไจยาของกาซ่า แล้วอีก 3 วันถัดจากนั้นก็มีเรื่องชวนให้ตะลึงอีกเรื่องหนึ่งคือการที่กองทัพอิสราเอลยอมรับว่าพวกเขาสังหารเชลยชาวอิสราเอลไป 3 รายเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นข้าศึก ถึงแม้ว่าผู้คนเหล่านั้นจะยกธงขาวแล้วก็ตาม

มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่บนภาคพื้นดินของกาซ่า?

จากที่เคยมีการวิเคราะห์ไว้คือ สงครามกาซ่าได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบาก คาดเดาไม่ได้ และกลายเป็นสงครามกลางเมืองนองเลือดอย่างเต็มรูปแบบ ที่การได้มาแต่ละครั้งนั้นน้อยนิดและเป็นไปอย่างช้าๆ แต่กลับมีโอกาสที่สูญเสียอย่างใหญ่หลวง

การสู้รบบนถนนที่แคบและเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางของเมืองเก่านั้น มันคือหนึ่งในวิธีการสู้รบในสงครามที่ยากลำบากที่สุด ทฤษฎีการทหารแบบคลาสสิกจะเสนอแนะให้มีการล้อมเมืองที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันจากข้าศึกแล้วทำการปิดกั้นทางเข้าออกของเมืองด้วยกำลังทัพที่เข้มแข็งพอที่จะปกป้องไม่ให้ฝ่ายคุ้มกันฝ่าวงล้อมออกมาได้ ในขณะเดียวกันกองกำลังหลักของฝ่ายโจมตีก็จะรุกคืบเข้าไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะยึดพื้นที่มาเป็นของตัวเอง

แต่การสู้รบในกาซ่านั้นไม่ได้เป็นเรื่องของการยึดครองพื้นที่ทุ่งนาหรือริมชายฝั่ง อิสราเอลประกาศว่าเป้าหมายของพวกเขาคือการกำจัดฮามาส เพื่อการนี้ ก้าวแรกของพวกเขาคือการควบคุมภาคพื้นดินที่มีข้าศึกปฏิบัติการอยู่ให้ได้ นั่นคือการควบคุมพื้นที่เมือง

ความรู้ด้านการศึกสงครามบางด้านมีความเก่าแก่เทียบเท่ากับความกระหายอยากของมนุษย์ในการสู้รบ นั่นก็คือด้านยุทธศาสตร์เรื่องการโจมตีและเข้าครอบครอง กับยุทธศาสตร์การปกป้องและรักษาอิสรภาพเอาไว้ให้ได้ แต่วิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีและในบางช่วงเวลาก็มีแค่บางวิธีการเท่านั้นที่เป็นใจแก่กับทหารมากกว่าวิธีการอื่นๆ

ในยุคสมัยก่อน เมืองจะต้องมีกำแพงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาอาวุธในระดับที่รวดเร็วมาก ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีตามไปด้วย การป้องกันต้านทานการโจมตีของข้าศึกนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำแพงกั้นที่ใหญ่ แพง และอยู่กับที่อีกต่อไปแล้ว ในทุกวันนี้อาวุธที่ใช้คนบังคับสามารถเคลื่อนย้ายได้ที่มีประสิทธิภาพมากพอ ซึ่งมีกำลังทำลายล้างมากกว่าขนาดของมันหลายเท่า เช่น เครื่องยิงขีปนาวุธทำลายรถถัง, เครื่องยิงลูกระเบิด, ปืนครกขนาดเล็ก, ปืนไรเฟิลจู่โจม และอาวุธอื่นๆ อีกมากมาย อาวุธเหล่านี้ทำให้ฝ่ายป้องกันใช้บ้านทุกหลังและใช้ถนนทุกหนแห่งเพื่อทำให้มันกลายเป็นฐานที่มั่นในการตั้งรับได้

นับตั้งแต่คริสตทศวรรษที่ 1940 มาจนถึงตอนนี้ ความพยายามใช้กำลังยึดเมืองที่มีฝ่ายป้องกันตั้งรับอย่างเด็ดเดี่ยวนั้นประสบความล้มเหลวแทบจะทุกกรณี มีกรณีที่ได้รับชัยชนะอยู่บ้างเล็กน้อยแต่ก็มักจะส่งผลเสียหายอย่างมากจนทำให้กองกำลังที่บุกเข้าไปในเมืองเหล่านั้นสูญเสียสมรรถนะในการโจมตีไปเลย

มีตัวอย่างจากยุทธการที่สตาลินกราด, วอร์ซอ, เบอร์ลิน, เดียนเบียนฟู, วูโควาร์, ซาราเยโว, กรอซนืย และ ฟัลลูจาห์ มีบางส่วนที่ป้องกันได้สำเร็จ แต่บางส่วนก็พ่ายต่อการโจมตีในที่สุด แต่ทุกตัวอย่างนี้ก็เป็นการตอกย้ำภูมิปัญญาทางการทหารที่ว่า ถ้าเป็นไปได้ควรจะหลีกเลี่ยงการสู้รบในเมือง

แต่ในกรณีอิสราเอล-กาซ่านั้น ทางอิสราเอลหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำการรบในเมืองเพราะพวกเขาต้องการที่จะทำลายฮามาส การที่จะบรรลุเป้าหมายได้นั้นพวกเขาต้องขจัดฮามาสไม่ให้ปฏิบัติการภาคพื้นดินได้ในพื้นที่ที่มีกลุ่มประชากรกระจุกตัวกันอยู่ใน 3 พื้นที่ของฉนวนกาซ่า คือตัวเมืองกาซ่า, ข่านยูนิส และ ราฟาห์

ในช่วงเฟสแรกที่ฮามาสมีปฏิบัติการภาคพื้นดิน กองทัพอิสราเอลได้เคลื่อนทัพไปตามทางที่เป็นพื้นที่โล่ง เช่น พื้นที่ฟาร์มและหมู่บ้าน ที่ไม่ได้มีการติดตั้งแนวป้องกันอะไรใหญ่โต ฮามาสแค่ทำการจู่โจมเพื่อทำให้การรุกคืบของอิสราเอลช้าลงและสกัดกั้นผู้รุกรานเท่านั้น ฮามาสมีปฏิบัติการด้วยการรบแบบกองโจรดั้งเดิม คือการโจมตีแบบเข้าไปปะทะแล้วถอยหนีโดยไม่ได้ใช้ความพยายามแบบเปล่าประโยชน์ในการยับยั้งกองทัพอิสราเอลตามที่ต่างๆ

ในช่วงเริ่มต้นเฟสที่สองของการสู้รบ กองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบไปถึงเขตชานเมือง ของเมืองกาซ่า หลังจากนั้นเมื่อสัญญาการหยุดยืงชั่วคราวหมดลงพวกเขาก็รุกคืบต่อไปยัง ข่านยูนิส พวกเขาเคลื่อนกำลังพลอย่างช้าๆ แลระมัดระวังโดยคาดว่าจะมีการโต้ตอบแบบผนึกกำลังกันจากฮามาส กองทัพอิสราเอลได้ทำการล้อมพื้นที่เมืองสองแห่งเป็นผลสำเร็จ

มันเป็นเรื่องที่ใสซื่อเกินไปหากจะทึกทักเอาว่าผู้นำทหารของอิสราเอลหวังจะทำให้ย่านความเจริญที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งในฉนวนกาซ่าถูกแยกให้โดดเดี่ยวเพื่อที่จะลดทอนกำลังทำให้กองพันกัสซัม ซึ่งเป็นกองกำลังของฮามาส ไม่สามารถโจมตีโต้ตอบกลับได้

ในความเป็นจริงแล้วการปิดล้อมใจกลางเมืองสองเมืองนี้ไม่ใช่วิธีกลยุทธแบบคลาสสิกที่เป็นการปิดกั้นเส้นทางไม่ให้กองกำลังข้างในได้รับกำลังเสริมหรือได้รับเสบียง ฮามาสยังคงมีอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่โดยไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนและสามารถเคลื่อนย้ายเข้าออกผ่านอุโมงค์ดังกล่าวนี้ พวกเขาอาจจะมีความยากลำบากในการเคลื่อนย้ายอยู่บ้าง แต่กลุ่มฮามาสก็ไม่ได้ถึงขั้นถูกกักเอาไว้จนออกมาไม่ได้

เนื่องจากอิสราเอลรับรู้ถึงอันตรายที่มาจากอุโมงค์นี้ รวมถึงรับรู้ถึงความเสี่ยงภัยระดับร้ายแรงถ้าหากมีการใช้พื้นที่อุโมงค์เพื่อการสู้รบ ทำให้อิสราเอลพยายามใช้หลายวิธีการเพื่อจัดการกับอุโมงค์เหล่านี้ พวกเขาทำลายทางเข้าอุโมงค์ที่พวกเขาพบเจอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ๆ พวกเขาควบคุมอยู่ แต่ก็มีทางเข้าอุโมงค์อื่นๆ ที่เหลืออยู่ที่ทำให้ยังคงมีความเสี่ยงอันตราย

อิสราเอลยังได้พยายามหลายครั้งในการส่งกองกำลังลงไปใต้ดิน แต่ก็มักจะล้มเหลว กองทัพอิสราเอลประสบกับความสูญเสียจากการถูกกับดักระเบิดของฮามาส ทำให้กองบัญชาการสูงสุดยกเลิกการใช้วิธีนี้ไป ต่อมาก็มีรายงานว่าอิสราเอลคิดจะใช้วิธีการนำน้ำทะเลถมลงไปให้ท่วมอุโมงค์ โดยอ้างว่ามีการทดลองถมน้ำทะเลลงไปแล้วได้ผล แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะมีปฏิบัติการถมน้ำทะเลให้ท่วมอุโมงค์อย่างเต็มรูปแบบดีหรือไม่

ปฏิบัติการภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลในสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลเล็งเห็นว่าวิธีการเดียวที่จะทำให้เป้าหมายการกำจัดฮามาสสำเร็จลุล่วงได้คือการยึดครองพื้นที่ คอยวางกำลังและควบคุมพื้นที่บนภาคพื้นดินส่วนที่พวกเขากำลังปิดล้อมอยู่ใจกลางเมืองกาซ่าและข่านยูนิส

แต่การทำเช่นนี้แค่อย่างเดียวก็ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะ แต่อาจจะเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อที่จะบีบให้กองกำลังฮามาสออกมาจากอุโมงค์ได้หลังจากที่กองทัพอิสราเอลได้ปิดกั้นและทำลายทางเข้าออกอุโมงค์ทุกทางแล้ว

การพยายามจะขับฮามาสให้ออกมาจากอุโมงค์นั้นอาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทำสงครามในเมืองใหญ่ด้วยกำลังรุนแรง มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการสูญเสียอย่างหนักจากทั้งสองฝ่าย

ถ้าหากอิสราเอลยังคงไม่สามารถเอาชนะฮามาสได้ ยิ่งทหารอิสราเอลในเมืองกาซ่าถูกสังหารมากเท่าไหร่ การสนับสนุนจากประชาชนต่อปฏิบัติการทางทหารของพวกเขาก็จะลดลง พอถึงจุดหนึ่ง การเรียกร้องให้อิสราเอลยุติสงครามก็อาจจะดังขึ้นเรื่อยๆ ดังยิ่งกว่าเสียงที่เรียกร้องให้พวกเขาทำสงครามต่อไป

เรียบเรียงจาก:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net